Beer Batter (เบียร์ แบตเตอร์)
แป้งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของอาหารมากมายทั่วโลก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างเนื้อสัมผัสและรสชาติที่น่าหลงใหล โดยทั่วไปแล้วแป้งที่ชุบอาหารทอดจะถูกนำมาผสมกับของเหลวหลากหลายชนิด อาทิเช่น น้ำ, นม, และบัตเตอร์มิลค์ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีแค่ส่วนผสมเหล่านี้เท่านั้นที่สามารถนำมาผสมแป้งได้ เพราะ เบียร์ ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมที่ชาวตะวันตกนิยมนำมาผสมกับแป้ง เพื่อสร้างรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดีมากยิ่งขึ้น จนกลายเป็นเทคนิคการทำอาหารที่แพร่หลายไปทั่วโลกในชื่อ เบียร์ แบตเตอร์ (Beer Batter)
จุดเริ่มต้นในดินแดนโบราณ: เมโสโปเตเมีย ผู้บุกเบิก Beer Batter ยุคแรก
แป้งผสมเบียร์ (Beer Batter) เป็นแนวทางการทำอาหารที่ได้รับความนิยมจากหลายวัฒนธรรมมานานหลายศตวรรษ ซึ่งมีประวัติศาสตร์ที่ครอบคลุมอารยธรรมต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยโบราณ บันทึกแรกสุดของการใช้เบียร์ในการทำอาหารนั้นมาจากยุค เมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) เชื่อกันว่าชาวสุเมเรียนและชาวบาบิโลนอาจจะนำวัตถุดิบต่าง ๆ มาชุบแป้งผสมกับเบียร์แล้วนำไปทอด เพราะในยุคนั้นน้ำเปล่าไม่ค่อยสะอาดนัก ของเหลวที่หาได้ง่ายและปลอดภัยต่อการบริโภคจึงมีเพียงแค่เบียร์เท่านั้น ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาอันชาญฉลาดของคนโบราณที่รู้จักประยุกต์ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่
การเผยแพร่ในยุคกลาง: เบียร์เอลและวัฒนธรรมอาหารยุโรปที่แพร่หลาย
ต่อมาในช่วง ยุคกลาง (Middle Ages) เมื่อเส้นทางการค้าเริ่มขยายตัว แนวคิดและเทคนิคการทำอาหารก็พัฒนาขึ้น ประเทศต่าง ๆ ในหลายทวีปก็เริ่มนำแป้งมาใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะชาวยุโรปที่รับเอาวัฒนธรรมแป้งผสมเบียร์มาใช้ ในยุคนั้นจะนิยมเติม เบียร์เอล (Ale) ลงไปในแป้ง เพื่อเพิ่มรสชาติที่แปลกใหม่และทำให้แป้งมีความกรอบขึ้นฟูจนเป็นสีเหลืองทองน่ารับประทาน ซึ่งกลายเป็นที่ชื่นชอบและแพร่หลายในครัวเรือนและร้านอาหารในยุคนั้น
เมนูยอดนิยม: Fish & Chips และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการทอดทั่วโลก
ในศตวรรษที่ 16 ชาวยุโรปได้เผยแพร่วัฒนธรรมการทำอาหารของตัวเองไปหลายพื้นที่ โดยเฉพาะชาวอังกฤษที่แนะนำเมนูคลาสสิกอย่าง Fish & Chips (ปลาชุบแป้งผสมเบียร์ทอดกรอบทานคู่กับมันฝรั่งทอด) ให้พื้นที่ต่าง ๆ ได้รู้จัก จนทำให้เมนูนี้กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในชุมชนชายฝั่งหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นในอังกฤษเอง หรือในประเทศที่ได้รับอิทธิพลทางการค้าและการเดินเรือไปทั่วโลก อีกทั้งเทคนิคการนำแป้งมาผสมเบียร์ก็ได้รับความนิยมตามไปด้วย กลายเป็นพื้นฐานสำคัญของอาหารทอดในหลายวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
ต่อมาในศตวรรษที่ 20 การใช้แป้งผสมเบียร์ก็เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น นำไปสู่การแลกเปลี่ยนข้ามวัฒนธรรมทั่วโลก ตัวอย่างเช่น ใน ญี่ปุ่น นิยมนำไปทำ เทมปุระ (Tempura) ที่มีเนื้อแป้งเบาและกรอบเป็นเอกลักษณ์ และใน สหรัฐอเมริกา ก็มีการนำเทคนิคนี้มาชุบ ไก่ทอด ทำให้มีรสชาติที่แปลกใหม่และเนื้อสัมผัสที่นุ่มชุ่มฉ่ำยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมอาหารที่ลงตัว
ประโยชน์ของ Beer Batter: ทำไมเบียร์จึงเป็นส่วนผสมที่วิเศษสำหรับอาหารทอด?
การใช้แป้งผสมเบียร์มีประโยชน์หลายอย่างในการปรุงอาหารทอด ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเทคนิคนี้จึงเป็นที่นิยมและได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนาน
- ความกรอบและเบาเป็นพิเศษ: เบียร์มี คาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Dioxide) ซึ่งเป็นก๊าซที่ทำให้เกิดฟอง เมื่อผสมกับแป้ง ฟองอากาศเหล่านี้จะช่วยให้แป้งมีเนื้อสัมผัสเบาและโปร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อนำมาชุบกับอะไรก็ตามจะทำให้แป้งมีความกรอบฟูและไม่อมน้ำมัน ช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับประทาน
- เพิ่มมิติรสชาติและกลิ่นหอม: กลิ่นของ มอลต์ (Malt) และ ฮอป (Hops) ที่เป็นส่วนประกอบหลักในเบียร์สามารถเติมเต็มรสชาติของอาหารทอดได้เป็นอย่างดี เพิ่มมิติความหอมและกลมกล่อมที่ไม่เหมือนการใช้แค่น้ำเปล่า
- สีเหลืองทองน่ารับประทาน: น้ำตาลธรรมชาติที่อยู่ในเบียร์ยังส่งผลทำให้อาหารทอดมีสีเหลืองทองสวยงามน่ารับประทานอีกด้วย ทำให้เมนูดูน่าสนใจยิ่งขึ้
- ควบคุมอุณหภูมิและลดการอมน้ำมัน: ด้วยความที่เบียร์มีอุณหภูมิที่เย็นกว่าน้ำในอุณหภูมิห้อง จึงสามารถช่วยรักษาอุณหภูมิของแป้งในระหว่างการทอดได้ ทำให้อุณหภูมิมีความสม่ำเสมอ ช่วยให้แป้งสุกทั่วถึงและสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้แป้งดูดซับน้ำมันส่วนเกินมากไปในระหว่างการทอด ส่งผลให้อาหารที่ได้ไม่มันเยิ้มและมีสัมผัสที่น่าพอใจ