การดื่มนมก่อนนอน
การดื่มนมก่อนนอนเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมาช้านานในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก เพราะนมไม่เพียงแต่เป็นแหล่งสารอาหารที่สำคัญ แต่ยังถูกเชื่อมโยงกับความสงบ และความผ่อนคลาย ซึ่งช่วยส่งเสริมการนอนหลับที่ดี ในบทความนี้เราจะย้อนรอยประวัติศาสตร์ของการดื่มนมก่อนนอนกันค่ะ
มนุษย์เริ่มบริโภคนมมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ 10,000 ปีก่อน ในช่วงยุคหินใหม่ (Neolithic period) โดยมีการเลี้ยงสัตว์ เช่น วัว แพะ และแกะ เพื่อใช้นมเป็นแหล่งอาหาร ต่อมาในอารยธรรมโบราณ เช่น อียิปต์ เมโสโปเตเมีย กรีก และโรมัน การบริโภคนมก็กลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
เนื่องจากนมเป็นอาหารที่มีคุณค่าสูง จึงมักถูกใช้ในพิธีกรรม และประเพณีต่าง ๆ ชาวอียิปต์ และชาวกรีกโบราณ เชื่อว่านมมีคุณสมบัติในการบำรุงร่างกาย และจิตใจ ขณะที่ชาวโรมันก็มักจะดื่มนมผสมกับน้ำผึ้ง เพื่อช่วยในการนอนหลับ
ในตำราแพทย์กรีกโบราณ ฮิปโปเครติส (Hippocrates) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการแพทย์ได้แนะนำให้ชาวกรีกดื่มนมเพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับ และเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายด้วย
ในวัฒนธรรมอินเดียโบราณ นมมักถูกใช้ในทางการแพทย์แบบอายุรเวท เพื่อส่งเสริมสุขภาพ และความสมดุลของร่างกาย แพทย์อายุรเวทมักแนะนำให้ชาวอินเดียดื่มนมผสมขมิ้น หรือที่เรียกว่า Golden Milk ก่อนนอน เพื่อช่วยในการนอนหลับ และฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง
ในยุคกลาง การดื่มนมก่อนนอนยังคงเป็นที่นิยมในหลายวัฒนธรรมในยุโรป เนื่องจากนมถูกมองว่าเป็นเครื่องดื่มที่ให้ความสบาย และความอบอุ่น โดยในช่วงเวลานี้นมมักถูกผสมกับสมุนไพร และเครื่องเทศต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติ และคุณค่าทางโภชนาการ
ในยุคสมัยใหม่การดื่มนมก่อนนอนได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบประโยชน์ของนมต่อการนอนหลับ กล่าวว่านมมีสารทริปโตเฟน (Tryptophan) กรดอะมิโนที่ช่วยในการผลิตเซโรโทนิน (Serotonin) และเมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ
นอกจากนี้ นมยังมีแคลเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งช่วยในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และระบบประสาทด้วย ดังนั้นการดื่มนมก่อนนอนจึงถูกแนะนำให้เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวัน เพื่อช่วยให้ร่างกาย และจิตใจรู้สึกผ่อนคลาย พร้อมสำหรับการพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ
สามารถหาซื้อนมชนิดต่าง ๆ ได้ที่ริมปิงทุกสาขานะคะ
มนุษย์เริ่มบริโภคนมมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ 10,000 ปีก่อน ในช่วงยุคหินใหม่ (Neolithic period) โดยมีการเลี้ยงสัตว์ เช่น วัว แพะ และแกะ เพื่อใช้นมเป็นแหล่งอาหาร ต่อมาในอารยธรรมโบราณ เช่น อียิปต์ เมโสโปเตเมีย กรีก และโรมัน การบริโภคนมก็กลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
เนื่องจากนมเป็นอาหารที่มีคุณค่าสูง จึงมักถูกใช้ในพิธีกรรม และประเพณีต่าง ๆ ชาวอียิปต์ และชาวกรีกโบราณ เชื่อว่านมมีคุณสมบัติในการบำรุงร่างกาย และจิตใจ ขณะที่ชาวโรมันก็มักจะดื่มนมผสมกับน้ำผึ้ง เพื่อช่วยในการนอนหลับ
ในตำราแพทย์กรีกโบราณ ฮิปโปเครติส (Hippocrates) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการแพทย์ได้แนะนำให้ชาวกรีกดื่มนมเพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับ และเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายด้วย
ในวัฒนธรรมอินเดียโบราณ นมมักถูกใช้ในทางการแพทย์แบบอายุรเวท เพื่อส่งเสริมสุขภาพ และความสมดุลของร่างกาย แพทย์อายุรเวทมักแนะนำให้ชาวอินเดียดื่มนมผสมขมิ้น หรือที่เรียกว่า Golden Milk ก่อนนอน เพื่อช่วยในการนอนหลับ และฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง
ในยุคกลาง การดื่มนมก่อนนอนยังคงเป็นที่นิยมในหลายวัฒนธรรมในยุโรป เนื่องจากนมถูกมองว่าเป็นเครื่องดื่มที่ให้ความสบาย และความอบอุ่น โดยในช่วงเวลานี้นมมักถูกผสมกับสมุนไพร และเครื่องเทศต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติ และคุณค่าทางโภชนาการ
ในยุคสมัยใหม่การดื่มนมก่อนนอนได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบประโยชน์ของนมต่อการนอนหลับ กล่าวว่านมมีสารทริปโตเฟน (Tryptophan) กรดอะมิโนที่ช่วยในการผลิตเซโรโทนิน (Serotonin) และเมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ
นอกจากนี้ นมยังมีแคลเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งช่วยในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และระบบประสาทด้วย ดังนั้นการดื่มนมก่อนนอนจึงถูกแนะนำให้เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวัน เพื่อช่วยให้ร่างกาย และจิตใจรู้สึกผ่อนคลาย พร้อมสำหรับการพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ
สามารถหาซื้อนมชนิดต่าง ๆ ได้ที่ริมปิงทุกสาขานะคะ
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง