แชร์

Ben & Jerry's (เบนแอนด์เจอร์รีส์)

Ben & Jerry's (เบนแอนด์เจอร์รีส์) คือ บริษัทไอศกรีมชื่อดังจากสหรัฐอเมริกาที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1978 หรือเมื่อประมาณ 46 ปีที่แล้ว โดย Ben Cohen (เบน โคเฮน) และ Jerry Greenfield (เจอร์รี กรีนฟิลด์) วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องราวของแบรนด์ไอศกรีมที่มีเอกลักษณ์ทั้งรสชาติและหัวใจเพื่อสังคมนี้กันค่ะ

จุดเริ่มต้นของสองเพื่อนซี้ : จากความล้มเหลวสู่ไอเดียหวาน (ค.ศ. 1978)

Ben และ Jerry เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ โดยหลังจากเรียนจบมัธยมปลาย ทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปทำตามความฝัน ซึ่ง Ben ก็เข้าเรียนในวิทยาลัยหลายแห่งแต่เขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จในการศึกษาเลย ขณะเดียวกัน Jerry ที่เรียนต่อในหลักสูตรเตรียมแพทย์ก็ล้มเหลวเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ในปี 1978 ขณะนั้นพวกเขาอายุ 20 ปี ทั้งคู่ก็ตัดสินใจทำธุรกิจร่วมกัน โดยในตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะเปิดร้านเบเกิล แต่ก็ต้องล้มเลิกความคิดไป เพราะต้นทุนของอุปกรณ์ต่างๆ นั้นค่อนข้างสูง จากนั้นพวกเขาจึงเปลี่ยนใจไปเรียนหลักสูตรการทำไอศกรีมที่มหาวิทยาลัย Pennsylvania State แทน

ปั๊มน้ำมันเก่า สู่ร้านไอศกรีมโฮมเมดแห่งแรก (ค.ศ. 1978)

หลังจากเรียนจบหลักสูตร พวกเขาก็เริ่มมองหาสถานที่สำหรับเปิดร้านไอศกรีม จนไปพบกับปั๊มน้ำมันเก่าแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเมือง เบอร์ลิงตัน รัฐเวอร์มอนต์ (Burlington, Vermont) จากนั้นพวกเขาจึงทำการปรับปรุงปั๊มน้ำมันด้วยเงินลงทุน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 439,356 บาท) ทำเป็นร้านไอศกรีมโฮมเมดแห่งแรกตั้งชื่อว่า Ben & Jerry's ตามชื่อของพวกเขา

ไอศกรีมของ Ben & Jerrys มีจุดเด่นอยู่ที่เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม โดยรสชาติแรกที่วางจำหน่ายในร้านคือ Chocolate Chip Cookie Dough ซึ่งจะอัดแน่นไปด้วยช็อกโกแลตชิ้นโตเต็มคำซ่อนอยู่ในไอศกรีมด้วย

การทำไอศกรีมที่มีรสชาติเข้มข้น และเครื่องแน่นแบบนี้ เกิดจากปัญหาด้านสุขภาพของ Ben เนื่องจากเขามีปัญหาด้านการรับรส และกลิ่นที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้น Jerry จึงตั้งใจที่จะผลิตไอศกรีมที่ทำให้ Ben สามารถรับรู้ถึงรสชาติ และเนื้อสัมผัสได้เป็นอย่างดี สิ่งนี้จึงนำไปสู่การสร้างสรรค์ไอศกรีมที่มีรสชาติเข้มข้น และมีเครื่องแน่นจนเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คนนั่นเอง

จากร้านเล็กๆ สู่ปรากฏการณ์ระดับประเทศ (ค.ศ. 1979 - 1981)

หลังจากเปิดกิจการ ร้านไอศกรีมของทั้งคู่ก็ขายดีเป็นอย่างมาก ผู้คนทั้งในเมือง และนอกเมืองต่างก็แวะเวียนมาที่ร้านของพวกเขา โดยในตอนแรกพวกเขาจะขายไอศกรีมในรูปแบบของสกู๊ปใส่ถ้วยหรือโคนเท่านั้น หากจะทานไอศกรีมของพวกเขาลูกค้าจะต้องเดินทางมาที่ร้านเท่านั้น

ในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1979 Ben & Jerrys เฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งปีของการเปิดร้าน โดยจัดงาน วันไอศกรีมโคนฟรี (Free Cone Day) ขึ้นมาเป็นครั้งแรก โดยในวันนี้พวกเขาจะแจกไอศกรีมฟรีสำหรับทุกคนตลอดทั้งวัน (ปัจจุบันทุกวันครบรอบพวกเขาก็ยังคงแจกไอศกรีมฟรีแบบนี้ทั่วโลก)

ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปี 1980 Ben เกิดไอเดียนำไอศกรีมไปบรรจุลงใน ถ้วยไพนต์ (Pint) เพื่อให้พวกเขาสามารถนำไอศกรีมไปฝากขายตามร้านขายของชำต่างๆ ได้ นอกจากนี้การขายไอศกรีมแบบถ้วยไพนต์ ยังทำให้พวกเขาสามารถขายไอศกรีมในปริมาณมาก และราคาที่สูงขึ้นได้อีกด้วย

ต่อมาในปี 1981 Ben & Jerrys ก็เริ่มขยายแฟรนไชส์ไปยังเมืองรอบๆ โดยเปิดแฟรนไชส์แรกในเมือง เชลเบิร์น รัฐเวอร์มอนต์ (Shelburne, Vermont) ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม นี่จึงเป็นการปูทางสู่การเป็นแบรนด์ไอศกรีมอันดับหนึ่งของประเทศ

มากกว่าแค่ไอศกรีม : การอุทิศตนเพื่อสังคม

สิ่งที่ทำให้ Ben & Jerry's แตกต่างจากคู่แข่งคือแนวทางการสร้างสรรค์รสชาติ และ การอุทิศตนเพื่อสังคม โดยเริ่มตั้งแต่เรื่องของวัตถุดิบอย่าง วานิลลา, ช็อกโกแลต และกาแฟ ซึ่งบริษัทกำหนดเอาไว้ว่าวัตถุดิบเหล่านี้จะต้องมีใบรับรอง Fair Trade (การค้าที่เป็นธรรม) เท่านั้นถึงจะสามารถนำมาผลิตไอศกรีมของ Ben & Jerrys ได้ ซึ่งสาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้ก็เป็นเพราะทางแบรนด์ต้องการมั่นใจว่าวัตถุดิบที่ซื้อมาจะไม่มีการเอาเปรียบหรือกดราคาเหล่าเกษตรกรที่เป็นผู้เพาะปลูกวัตถุดิบเหล่านี้

นอกจากนี้ที่มาของบราวนี่ในไอศกรีม Ben & Jerrys ก็ถูกผลิตโดย Greyston Bakery ซึ่งเป็นธุรกิจผลิตเบเกอรีที่อยู่ภายใต้องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง Greyston โดยองค์กรนี้มีนโยบายเปิดรับสมัครพนักงาน โดยไม่ต้องส่งประวัติใดๆ เพื่อเปิดโอกาสให้กับทุกคนในสังคมสามารถเข้าทำงานที่นี่ได้ ดังนั้นการที่ Ben & Jerrys สั่งซื้อบราวนี่จากที่นี่ก็จะช่วยให้คนเหล่านี้มีรายได้ และไม่เป็นภาระในสังคม

ในปี 1985 พวกเขาได้ก่อตั้ง มูลนิธิ Ben & Jerry's ขึ้นมา โดยอุทิศกำไร 7.5% ก่อนหักภาษี เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับโครงการช่วยเหลือสังคม โดยการเคลื่อนไหวครั้งนี้ทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในฐานะบริษัทที่ใส่ใจปัญหาสังคมอย่างลึกซึ้ง

นอกจากนี้พวกเขายังสนับสนุนประเด็นต่างๆ ทางสังคมผ่านไอศกรีมรสชาติต่างๆ อีกด้วย เช่น สนับสนุนสิทธิของ LGBTQ+ ผ่านไอศกรีมรสชาติ Empower Mint และในปี 2009 บริษัทยังร่วมมือกับ Freedom to Marry (องค์กรที่อุทิศตนเพื่อชัยชนะในการแต่งงานสำหรับคู่รักเพศเดียวกันในสหรัฐอเมริกา) โดยเปลี่ยนชื่อไอศกรีมรสชาติ Chubby Hubby มาเป็น Hubby Hubby ชั่วคราว เพื่อเฉลิมฉลองการแต่งงานของคนเพศเดียวกันที่ถูกต้องตามกฎหมายในรัฐเวอร์มอนต์ อีกทั้งยังเปลี่ยนแพ็คเกจของรสชาตินี้ให้มีรูปชายสองคนแต่งงานกันติดอยู่หน้ากล่องอีกด้วย

การเติบโตระดับโลกภายใต้ Unilever (ค.ศ. 2000 - ปัจจุบัน)

ในปี 2000 Ben & Jerrys ถูกซื้อกิจการโดย Unilever (ยูนิลีเวอร์) บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอาหารข้ามชาติของอังกฤษ แต่ทั้งนี้ผู้ก่อตั้งทั้งสองคนก็ยังคงทำงานอยู่ในบริษัท และภายใต้การดูแลของ Unilever Ben & Jerry's ก็ยังคงมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก โดยบริษัทเริ่มส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังต่างประเทศทั้งยุโรป เอเชีย และอเมริกาใต้ (ปัจจุบันส่งออกไปกว่า 30 ประเทศทั่วโลก)

ปัจจุบัน Ben & Jerrys กลายเป็นแบรนด์ไอศกรีมที่มีชื่อเสียงในระดับโลก ถึงแม้จะถูกบริหารโดย Unilever แต่บริษัทก็ยังคงยึดมั่นในรากฐานการผลิต และแนวทางการบริหารที่มีมาอย่างยาวนาน พวกเขายังคงผลิตไอศกรีมรสชาติที่หลากหลาย (ปัจจุบันมีมากกว่า 60 รสชาติ) โดยใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงมาโดยตลอด

Tags :

บทความที่เกี่ยวข้อง
Mayver's (เมย์เวอร์ส)
ทำความรู้จัก Mayver's (เมย์เวอร์ส) แบรนด์อาหารสุขภาพจากออสเตรเลีย ที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ
Ecostore (อีโคสโตร์)
ทำความรู้จัก Ecostore (อีโคสโตร์) แบรนด์ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกจากประเทศนิวซีแลนด์
King Oscar (คิงออสการ์)
ทำความรู้จัก King Oscar (คิงออสการ์) แบรนด์อาหารทะเลกระป๋องชั้นนำจากประเทศนอร์เวย์ที่ได้รับการรับรองจากราชวงศ์
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ