Samosa (ซาโมซ่า)
Samosa (ซาโมซ่า) เป็นอาหารว่างยอดนิยมที่มีต้นกำเนิดจากเอเชียใต้ โดยทั่วไปแล้วจะทำจากแป้งบางกรอบห่อเป็นรูปสามเหลี่ยม ทรงกรวย หรือทรงพระจันทร์เสี้ยว สอดไส้ด้วยมันฝรั่ง หัวหอม ถั่วลันเตา เนื้อสัตว์ และเครื่องเทศต่างๆ วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องราวของซาโมซ่า อาหารข้างทางยอดนิยมจากภูมิภาคเอเชียใต้กันค่ะ
ต้นกำเนิดในเปอร์เซียโบราณ : Sanbosag ของนักเดินทาง (ศตวรรษที่ 11)
ต้นกำเนิดของซาโมซ่ามีประวัติย้อนกลับไปถึง จักรวรรดิเปอร์เซียโบราณ ในอดีตจะรู้จักกันในชื่อ ซันโบซัก (Sanbosag) โดยบันทึกทางประวัติศาสตร์จาก ศตวรรษที่ 11 ได้กล่าวถึงซาโมซ่าเวอร์ชันแรกๆ ว่าเป็นขนมทรงสามเหลี่ยมเล็กๆ สอดไส้เนื้อสับ ถั่ว และผลไม้แห้ง ซึ่งการเตรียมจะต้องใส่ใจในรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่สมบูรณ์แบบ
ในสมัยเปอร์เซียโบราณ ซาโมซ่าได้รับความนิยมในหมู่นักเดินทางและพ่อค้า เนื่องจากเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ มีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนาน อีกทั้งยังพกพาได้สะดวก เพราะซาโมซ่าในสมัยนั้นมีขนาดเล็กมาก สามารถบรรจุลงในกระเป๋าและหยิบทานได้ทุกที่
การเดินทางสู่อนุทวีปอินเดีย และการปรับตัว (ศตวรรษที่ 13 - 16)
ในช่วง ศตวรรษที่ 13 ซาโมซ่าได้รับการแนะนำให้รู้จักใน อนุทวีปอินเดีย พร้อมกับการมาถึงของพ่อค้าและผู้รุกรานชาวเปอร์เซีย ในช่วงเวลานี้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมทำให้ซาโมซ่าได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
ในอินเดีย ซาโมซ่าได้รับการดัดแปลงให้เหมาะกับรสนิยมของคนในท้องถิ่น จนกลายเป็นสูตรที่เรารู้จักในปัจจุบัน โดยนำวัตถุดิบและเครื่องเทศของอินเดียมาใช้ ซึ่งเวอร์ชันนี้มักประกอบด้วยมันฝรั่ง ถั่วลันเตา และเนื้อสัตว์ห่อด้วยแป้งเพสตรี้กรอบๆ ทำเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม
ในสมัย จักรวรรดิโมกุลในศตวรรษที่ 16 ซาโมซ่ากลายเป็นของว่างยอดนิยมในราชสำนักและกลุ่มชนชั้นสูง ซึ่งพวกเขามักจะรับประทานในงานเลี้ยงสังสรรค์และเทศกาลต่างๆ
ความหลากหลายระดับภูมิภาค และการแพร่กระจายทั่วโลก
เมื่อเวลาผ่านไป ความนิยมของซาโมซ่าก็แพร่กระจายไปทั่วอินเดีย ทำให้เกิดความหลากหลายในระดับภูมิภาค:
- อินเดียตอนเหนือ: ซาโมซ่ามักเสิร์ฟพร้อมกับซอสมะขาม หรือชัทนีย์มิ้นต์
- อินเดียตะวันตก: ซาโมซ่ามักจะสอดไส้มะพร้าวและผลไม้แห้ง ห่อเป็นรูปทรงคล้ายกะหรี่ปั๊บขนาดเล็กเรียกว่า Ghughra
- อินเดียตอนใต้: ซาโมซ่าได้รับการดัดแปลงโดยเพิ่มส่วนผสมใหม่ๆ ลงไป เช่น ใบแกง และเมล็ดมัสตาร์ด
ในช่วงการล่าอาณานิคม ซาโมซ่าเริ่มแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของโลก ผู้อพยพชาวอินเดียนำประเพณีการทำอาหารของพวกเขาไปยังแอฟริกา แคริบเบียน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ซาโมซ่าได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น และถูกนำมาดัดแปลงให้เข้า
กับอาหารท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น
- ในเคนยาและแทนซาเนีย ซาโมซ่ามักสอดไส้ด้วยเนื้อวัว หรือเนื้อแกะปรุงรส เรียกว่า ซัมบูซา (Sambusa)
- ในอัฟกานิสถาน ซาโมซ่ามักถูกเรียกว่า โบลานี (Bolani) สอดไส้มังสวิรัติหลากหลายชนิด
ปัจจุบันซาโมซ่ากลายเป็นอาหารข้างทางยอดนิยมที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งได้รับการดัดแปลงให้มีสูตรต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน