Monkfish (มังค์ฟิช)
มังค์ฟิช (Monkfish) หรือ ปลาอังโกะ (Anko Fish) ที่หลายคนขนานนามว่า ปีศาจแห่งท้องทะเล เป็นปลาทะเลน้ำลึกที่มีหน้าตาประหลาด มีหัวขนาดใหญ่ ลำตัวเรียวเล็ก ผิวหนังขรุขระสีน้ำตาลเข้มไปจนเกือบดำ ปากกว้างฟันแหลมคม ส่วนใหญ่มักอาศัยอยู่บริเวณก้นทะเลลึกในแถบมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือตั้งแต่ชายฝั่งนอร์เวย์ไปจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปทำความรู้จักกับปลาหน้าตาประหลาดแต่รสชาติสุดพิเศษนี้กันค่ะ
เจ้าแห่งการพรางตัว และตำนานบาทหลวงแห่งท้องทะเล
มังค์ฟิชได้รับฉายาว่าเป็น เจ้าแห่งการปลอมตัว เนื่องจากมีผิวหนังคล้ายกับโคลนจึงสามารถพรางตัวกับพื้นมหาสมุทรได้ ในการล่าเหยื่อแต่ละครั้ง มังค์ฟิชจะซุ่มโจมตีโดยการซ่อนตัวอยู่ในโคลน หรือน้ำขุ่นๆ แล้วอ้าปากไว้ตลอดเวลา เมื่อเหยื่อตัวอื่นผ่านมาก็จะกลายเป็นอาหารของมันทันที
ตำนานของชาวโปแลนด์เล่าว่า เมื่อปี ค.ศ. 1531 ในช่วงที่ชาวประมงออกไปเดินเรือในมหาสมุทร พวกเขาได้พบกับปลายักษ์ชนิดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่มาก มองไกลๆ เหมือนกับบาทหลวงในสมัยโบราณที่กำลังนอนนิ่งๆ อยู่ในทะเล ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงจินตนาการไปว่าปลาชนิดนี้เป็นบาทหลวงแห่งท้องทะเล และเรียกกันว่า Monkfish นั่นเอง
จากปลาที่ถูกทิ้ง สู่เมนูกูร์เมต์ระดับโลก
เมื่อนานมาแล้ว ชาวประมงที่จับมังค์ฟิชได้มักจะโยนมันกลับลงไปในทะเลตามเดิม โดยไม่ทันได้ตระหนักว่าปลาชนิดนี้จะกลายเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศบนโต๊ะอาหาร ทว่าในปัจจุบัน มังค์ฟิชกลับกลายเป็นที่ต้องการอย่างมากบนโต๊ะอาหารระดับกูร์เมต์
แม้จะมีหน้าตาที่แปลกประหลาดไม่น่ารับประทาน แต่การค้นพบในสมัยใหม่พบว่ามังค์ฟิชเป็นปลาที่อร่อยมาก มีเนื้อแน่น ไขมันน้อย รสชาติอร่อย คล้ายกับล็อบสเตอร์ ส่วนใหญ่จะนิยมนำ เนื้อส่วนหาง มาประกอบเป็นอาหารเมนูต่างๆ เช่น สเต็กปลา มังค์ฟิชย่าง มังค์ฟิชทอด มังค์ฟิชตุ๋น สตูว์มังค์ฟิช มังค์ฟิชผัดน้ำมันมะกอก หรือว่าจะนำมาทำเป็นแกงมังค์ฟิชก็ได้เช่นกัน
นอกจากเนื้อส่วนหางแล้ว ตับของมังค์ฟิช หรือที่เรียกว่า Ankimo (鮟肝) (อังคิโมะ) ในภาษาญี่ปุ่นก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาหารอันโอชะเช่นกัน เนื่องจากมีรสชาติที่ดีมาก หอมมัน หวานกลมกล่อม นุ่มละมุนละลายในปาก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น ฟัวกราส์แห่งท้องทะเล
ตับของมังค์ฟิชเป็นเมนูที่ติดอันดับความอร่อยของชาวญี่ปุ่น ในญี่ปุ่นมักจะเสิร์ฟเป็นคำเล็กๆ พร้อมกับต้นหอมซอยหั่นบางๆ และหัวไชเท้าขูดปรุงรสด้วยพริกแดง แล้วราดกับซอสพอนสึ นิยมทานคู่กับสาเกหรือโชจู ซึ่งชาวญี่ปุ่นว่ากันว่าตับของมังค์ฟิชจะมีช่วงที่อร่อยที่สุดคือ ฤดูหนาวในช่วงประมาณเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์
คุณค่าทางโภชนาการ และการประมงอย่างยั่งยืน
นอกจากความอร่อยแล้ว มังค์ฟิชยังมีคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย เนื่องจากเป็นแหล่ง โปรตีน มี ไขมันต่ำ อุดมไปด้วย วิตามิน และแร่ธาตุ เช่น วิตามินบี 12 ฟอสฟอรัส และซีลีเนียม มี กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ดี ซึ่งจำเป็นต่อสุขภาพของหัวใจ และการทำงานของสมอง นอกจากนี้ ตับของมังค์ฟิชยังเป็นแหล่ง อินซูลิน ชั้นเยี่ยมด้วย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
หลังจากค้นพบความอร่อย และคุณค่าทางโภชนาการแล้ว ภายหลังมังค์ฟิชจึงกลายเป็นที่ต้องการมากขึ้นในท้องตลาด ด้วยเหตุนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จึงมีการผลักดันแนวทางปฏิบัติในการประมงที่ยั่งยืนมากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่ามังค์ฟิชจะมีอายุยืนยาว และไม่สูญพันธุ์ โดยมาตรการในการทำการประมงเหล่านี้ได้แก่ การตรวจสอบประชากรปลาที่ดีขึ้น การปรับปรุงเทคนิคการทำประมง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการบังคับใช้กฎระเบียบด้านการประมงที่เข้มงวดยิ่งขึ้น