Daiquiri (ไดเคอรี)
Daiquiri (ไดเคอรี) เป็น Cocktail เก่าแก่ชนิดหนึ่ง มีส่วนผสมเพียงแค่สี่อย่างนั่นคือ เหล้ารัม น้ำมะนาว น้ำตาลหรือน้ำเชื่อม และน้ำแข็ง จัดอยู่ในประเภท The Unforgettables ของ IBA (International Bartenders Association หรือ องค์กรบาร์เทนเดอร์นานาชาติ) เนื่องจากมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและยังคงรักษาความนิยมได้จนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ Daiquiri ยังเป็นหนึ่งในหก Cocktail พื้นฐานที่ปรากฏในหนังสือ The Fine Art of Mixing Drinks โดย David A. Embury ซึ่งเป็นหนังสือรวบรวมสูตร Cocktail ที่มีชื่อเสียงมากในศตวรรษที่ 20
ที่มาของชื่อ Daiquiri และจุดเริ่มต้นในคิวบา
ชื่อ Daiquiri นั้นเป็นชื่อเดียวกับชายหาดและหมู่บ้านเหมืองเหล็กแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับ Santiago de Cuba ซึ่งเมืองขนาดใหญ่ของประเทศคิวบา โดยชื่อนี้เป็นภาษา Taíno ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองในแถบทะเล Caribbean ซึ่งประเทศคิวบานั้นอยู่ภายใต้การอาณานิคมของสเปนมานานหลายร้อยปี (ค.ศ. 1492-1898) และยังเริ่มได้รับอิทธิพลของอเมริกาตั้งแต่ปีค.ศ. 1854 หมู่บ้านนี้ยังกลายมาเป็นจุดศูนย์กลางการรุกรานประเทศคิวบาของกองทัพอเมริกา ในช่วงสงครามสเปน-อเมริกา ปีค.ศ. 1898
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีชาวอเมริกันและชาวสเปนมากมายมาอยู่อาศัยและทำงานในคิวบา ซึ่งทฤษฎีของการถือกำเนิดขึ้นของ Daiquiri นั้นเกิดจากการที่นักประวัติศาสตร์ได้เริ่มสืบสาวเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับผู้คนเหล่านี้ โดยทฤษฎีที่ได้รับการเชื่อถือมากที่สุด คือการที่ Daiquiri ถูกคิดค้นในระหว่างสงครามสเปน-อเมริกาโดย Jenning Cox ซึ่งเป็นวิศวกรเหมืองที่ทำงานในคิวบา
วันหนึ่ง Cox ได้จัดงานเลี้ยงที่บ้านพักซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเหมือง Daiquiri และพยายามจะชง Punch ให้กับแขกเหรื่อ แต่เหล้า Gin เกิดหมดกะทันหัน เขาจึงต้องออกไปซื้ออย่างเร่งด่วน แต่สามารถหาได้เพียงเหล้ารัม เขาจึงนำกลับมาและเริ่มชงด้วยการใส่น้ำมะนาว น้ำตาล และน้ำแข็ง เสิร์ฟในแก้วทรงสูง และกำเนิดเป็น Daiquiri แบบดั้งเดิม
Daiquiri เข้าสู่อเมริกาและสูตรดั้งเดิม
Daiquiri ถูกเผยแพร่เข้าสู่อเมริกาในปี ค.ศ. 1909 ซึ่งเป็นช่วงที่เรือรบ the USS Minnesota ได้มาเยือนชายฝั่งคิวบา กัปตันเรือ Charles Harlows และเจ้าหน้าที่การแพทย์ Lucius Johnson ได้มีโอกาสลิ้มลอง Daiquiri ของ Cox พวกเขาจึงได้นำสูตรนี้กลับไปเผยแพร่ Army & Navy Club ในกรุง Washington, D.C. ซึ่งในเวลานั้นเต็มไปด้วยสมาชิกที่เป็นทหารผ่านศึก ซึ่งชื่อเสียงของ Classic Daiquiri ก็แพร่กระจายไปไม่น้อยในหมู่ชาวอเมริกัน สูตรการทำ Daiquiri ที่คล้ายคลึงกับของ Cox ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในหนังสือ Drinks โดย Jaques Straub ในปีค.ศ. 1914
สูตร Daiquiri ในหนังสือ Drinks โดย Jaques Straub (ซึ่งในหนังสือได้สะกดชื่อไว้ว่า Daiguiri) ได้ระบุส่วนผสมและวิธีทำไว้ดังนี้
- น้ำมะนาว จิกเกอร์ (1 ออนซ์)
- เหล้ารัม จิกเกอร์ (0.5 ออนซ์)
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
วิธีทำคือ นำส่วนผสมทั้งหมดเขย่าเข้ากับน้ำแข็ง และเทลงในแก้ว Cocktail ซึ่งการทำ Classic Daiquiri ในลักษณะนี้ก็ยังคงเป็นแนวทางโดยทั่วไปจนถึงปัจจุบัน และมีการประยุกต์เสิร์ฟในแก้วทรงก้านสูงอย่างแก้ว Coupe, Martini หรือ Margarita ที่ผ่านการแช่เย็น และตกแต่งขอบแก้วด้วยมะนาวหั่นแว่น
El Floridita, Hemingway และ Frozen Daiquiri
ในเวลาต่อมา ก็มีเรื่องราวของผู้อพยพชาวแคว้น Catalonia ของสเปนที่ชื่อ Constantí Ribalaiga i Vert โดยเขาได้อพยพมา Havana เมืองหลวงของคิวบาตั้งแต่ยังเด็ก และเริ่มทำงานใน Coffee House สไตล์ Catalan แห่งหนึ่ง จนได้กลายเป็นบาร์เทนเดอร์มากความสามารถ ในที่สุดกลายมาเป็นเจ้าของ Coffee House แห่งนี้ในปี ค.ศ. 1918 และเปลี่ยนชื่อให้เป็น El Floridita ซึ่งมีการจำหน่าย Classic Daiquiri ด้วย และช่วงปี ค.ศ. 1920-1933 อเมริกาได้มีกฎหมายห้ามผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประเทศคิวบาจึงกลายมาเป็นหมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวที่กระหายการดื่มด่ำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่ง El Floridita ก็เป็นบาร์ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ
ในระหว่างปี ค.ศ. 1930 - 1939 ยังมีแขกคนสำคัญมาเยี่ยมเยือน นั่นคือ Ernest Hemingway นักเขียนชื่อดังชาวอเมริกันที่ได้มีโอกาสลิ้มลอง Classic Daiquiri ที่บาร์แห่งนี้ ซึ่งในเวลาต่อมา Vert ได้นำสูตรดั้งเดิมนี้มาปรับปรุงโดยได้รับแรงบันดาลใจจาก Hemingway ด้วยการลดปริมาณน้ำตาลลง เพิ่มช็อตเหล้ารัม และเติมน้ำองุ่นเข้าไป เนื่องด้วยเวลานี้เป็นเวลาที่มีการพัฒนาตู้เย็น เครื่องปั่นไฟฟ้า และอุตสาหกรรมการผลิตน้ำแข็ง เมนูจึงยิ่งมีความสร้างสรรค์มากขึ้นด้วยการปั่นส่วนผสมเข้ากับน้ำแข็ง จนกลายมาเป็น Daiquiri ในรูปแบบของ Frozen Cocktail และถูกเรียกในภายหลังว่า Frozen Daiquiri
หลังจากนั้น Cocktail ชนิดนี้จึงกลายเป็นเมนูใหม่ของ El Floridita ในชื่อว่า Papa Doble หรือ Hemingways Special ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ Frozen Daiquiri ชนิดใหม่ๆ เช่น Strawberry Daiquiri ที่โดดเด่นด้วยภาพลักษณ์ของน้ำผลไม้ปั่นสีแดงสด เรื่องราวทั้งหมดนี้ยังปรากฏในงานเขียนของ Hemingway อีกด้วย
Daiquiri ในยุคสงครามโลกและประธานาธิบดี
ชื่อเสียงของ Daiquiri ได้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง ทศวรรษที่ 1940 (ค.ศ. 1940-1949) เนื่องจากเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเวลานั้น เหล้าราคาแพงอย่าง Whiskey และ Vodka กลายเป็นของหายาก เหล้ารัมจึงมีบทบาทมากขึ้น เนื่องจากประธานาธิบดี Franklin D. Roosevelt ได้เปิดความสัมพันธ์ทางการค้าและการท่องเที่ยวกับละตินอเมริกา คิวบา และหมู่เกาะ Caribbean เครื่องดื่มที่ผสมเหล้ารัมจึงกลายเป็นสิ่งที่นำสมัย ซึ่งส่งผลให้ Daiquiri กลายเป็น Cocktail ที่โด่งดังเป็นอย่างมาก และยังกลายมาเป็นเครื่องดื่มโปรดของประธานาธิบดี John F. Kennedy อีกด้วย