แชร์

Parfait (พาร์เฟต์)

แม้ประวัติของ Parfait (พาร์เฟต์) จะมีที่มาไม่ค่อยแน่ชัดนัก แต่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 พาร์เฟต์เริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศฝรั่งเศสในฐานะขนมหวานแช่แข็งสุดหรูที่รังสรรค์ขึ้นมาสำหรับชนชั้นสูงโดยเฉพาะ แบบดั้งเดิมจะประกอบด้วยครีม คัสตาร์ด และน้ำเชื่อม ผ่านกระบวนการปั่นและแช่แข็งจนมีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่มคล้ายกับ เซมิเฟรดโด (Semifreddo) ซึ่งเป็นขนมหวานแช่แข็งของอิตาลี

ความหมายที่สมบูรณ์แบบ: Parfait "Perfect"

คำว่า Parfait ในภาษาฝรั่งเศส มีความหมายว่า Perfect (สมบูรณ์แบบ) ซึ่งเป็นคำอธิบายที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับขนมที่มีวิวัฒนาการมานานหลายศตวรรษ ทั้งในด้านรสชาติ รูปแบบ และความนิยมที่แพร่หลายไปทั่วโลก

ในช่วงศตวรรษที่ 20 พาร์เฟต์ได้แพร่ขยายไปทั่วโลกจนได้รับความนิยมอย่างสูงทั้งในประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา โดยในอเมริกา พาร์เฟต์ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้มีรูปแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างชัดเจน โดยมักจะเสิร์ฟอยู่ในแก้วทรงสูง และมีส่วนผสมหลากหลายเป็นชั้นๆ อาทิเช่น กราโนลา ถั่ว โยเกิร์ต ไอศกรีม วิปครีม และผลไม้สดนานาชนิด ซึ่งทำให้พาร์เฟต์มีสีสันและเนื้อสัมผัสที่น่าสนใจยิ่งขึ้น

วัฒนธรรมพาร์เฟต์: จากญี่ปุ่นสู่เทรนด์ระดับโลก

ในประเทศญี่ปุ่น พาร์เฟต์มีลักษณะคล้ายกับของอเมริกา และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเมืองซัปโปโร จนเกิดเป็นธรรมเนียมที่เรียกว่า Closing Parfait หรือ Shime Parfait ซึ่งคำว่า Shime มาจากภาษาญี่ปุ่น แปลว่า ส่วนปลาย ตอนจบ หรือการปิดท้าย เนื่องจากชาวญี่ปุ่นจะนิยมทานพาร์เฟต์เป็นของหวานปิดท้ายมื้ออาหารนั่นเอง

การทานพาร์เฟต์เป็นของหวานปิดท้ายได้รับความนิยมมากจนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของชาวซัปโปโร ถึงขนาดที่ว่าทางการท่องเที่ยวซัปโปโรได้จัดทำเว็บไซต์ https://sapporo-parfait.com/ เพื่อเผยแพร่พิกัดร้านพาร์เฟต์ทั่วเมืองซัปโปโรอีกด้วย สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันและบทบาทสำคัญของพาร์เฟต์ในวัฒนธรรมการกินของชาวเมืองนี้

วิวัฒนาการไร้ขีดจำกัด: จากของหวานสู่เมนูคาว

ในยุคที่โลกของการทำอาหารถูกพัฒนาขึ้นตามกาลเวลา การทำพาร์เฟต์ก็ถูกพัฒนาตามไปด้วย มีการนำส่วนผสมที่แปลกใหม่และหลากหลายเข้ามาเพื่อตอบสนองรสนิยมและความชอบที่แตกต่างกันของผู้บริโภค จากเดิมที่พาร์เฟต์เป็นเพียงแค่ของหวาน ก็ถูกพัฒนาให้เป็นอาหารคาวที่หรูหรา โดยใช้ส่วนผสมของปาเต้ (Pâté) ฟัวกราส์ (Foie Gras) และผักต่าง ๆ ซึ่งเป็นการยกระดับพาร์เฟต์ให้กลายเป็นเมนูที่สามารถเสิร์ฟได้ในโอกาสพิเศษ

ในศตวรรษที่ 21 พาร์เฟต์กลายเป็นผืนผ้าใบสำหรับสร้างสรรค์การทำอาหารอย่างแท้จริง พ่อครัวและแม่ครัวต่างก็ทดลองด้วยส่วนผสมที่หลากหลาย โดยปรับให้เข้ากับกระแสการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป มีทั้งสูตรปราศจากกลูเตน (Gluten-Free) และสูตรไขมันต่ำ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่รักสุขภาพและใส่ใจในเรื่องโภชนาการ

พาร์เฟต์ในยุคโซเชียลมีเดีย: ความงามที่ต้องตา

ในยุคที่โซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น วิวัฒนาการของพาร์เฟต์ที่สร้างสรรค์มาอย่างสวยงามก็ถูกแชร์ออกไปทั่วโลก เชฟผู้สร้างสรรค์ไม่เพียงแต่คำนึงถึงรสชาติและเนื้อสัมผัสเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงสีสันและความสวยงามที่เห็นได้ด้วยตาก่อนการบริโภคด้วย เพื่อให้พาร์เฟต์เป็นทั้งประสบการณ์ทางรสชาติและประสบการณ์ทางสายตาที่น่าประทับใจ

ประวัติศาสตร์ของพาร์เฟต์เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถในการปรับตัวของประเพณีการทำอาหารได้อย่างดีเยี่ยม ตั้งแต่ขนมแช่แข็งสุดคลาสสิกของฝรั่งเศสไปจนถึงการตีความสมัยใหม่ที่ครอบคลุมรสชาติ เนื้อสัมผัส และสีสันที่สวยงาม อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้พาร์เฟต์ที่เราคุ้นเคยกันส่วนใหญ่มักจะเป็นรูปแบบที่มาจากอเมริกา ซึ่งเสิร์ฟอยู่ในแก้วทรงสูงและมีส่วนผสมที่หลากหลายเป็นชั้นๆ ถือเป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์แบบที่เข้าถึงได้ง่ายและน่าลิ้มลองในทุกโอกาส

Tags :

บทความที่เกี่ยวข้อง
Yakgwa (ยักกวา, 약과)
ทำความรู้จัก Yakgwa (ยักกวา, 약과) ขนมหวานดั้งเดิมของเกาหลี
Songpyeon (ซงพยอน, 송편)
ทำความรู้จัก Songpyeon (ซงพยอน, 송편) ขนมต็อกพื้นเมืองของเกาหลี
Kimchi Bokkeumbap (กิมจิ บกกึมบับ, 김치볶음밥)
ทำความรู้จัก Kimchi Bokkeumbap (กิมจิ บกกึมบับ, 김치볶음밥) หรือข้าวผัดกิมจิอาหารจานยอดนิยมในประเทศเกาหลีใต้
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ