Seafood platter (ซีฟู้ดแพลตเตอร์)
ในภาพยนตร์คอมเมดี้เรื่อง Mr. Bean's Holiday (2007) ตัวละครที่น่ารักและแปลกประหลาดอย่างมิสเตอร์บีนได้ออกเดินทางไปเที่ยวฝรั่งเศสอย่างสนุกสนานท่ามกลางช่วงเวลาที่น่าจดจำมากมาย โดยในภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับอาหารทะเลอันเป็นที่น่าจดจำของแฟน ๆ ทั่วโลก นั่นก็คือฉากที่มิสเตอร์บีนกำลังทาน ซีฟู้ดแพลตเตอร์ (Seafood Platter) ในร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรู
ทำความรู้จัก ซีฟู้ดแพลตเตอร์ (Plateau de fruits de mer)
ซีฟู้ดแพลตเตอร์เป็นเซ็ตอาหารทะเลจานหรูที่ได้รับความนิยมมากในประเทศฝรั่งเศส โดยทั่วไปจะเสิร์ฟเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่ประกอบด้วยอาหารทะเลมากมาย เช่น หอยนางรม หอยแมลงภู่ หอยกาบ หอยเชลล์ ปู กุ้งก้ามกราม กุ้งลอบสเตอร์ และอื่น ๆ ตกแต่งด้วยมะนาวฝาน ก้านผักชีฝรั่ง เสิร์ฟบนน้ำแข็ง ชาวฝรั่งเศสจะเรียกเมนูนี้ว่า Plateau de fruits de mer
วัฒนธรรมการทานซีฟู้ดแพลตเตอร์มีมาตั้งแต่ยุคกรีกและโรมันโบราณ เพราะพื้นที่แถบนั้นมักจะอยู่ติดกับทะเล โดยเฉพาะทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในอดีตจะนิยมเสิร์ฟในงานเลี้ยงที่หรูหรา เพื่อแสดงถึงความมั่งคั่งและระดับชั้นทางสังคม
ในช่วงยุคกลางอาหารทะเลยังคงเป็นส่วนหนึ่งของงานเลี้ยงที่จัดโดยราชวงศ์และขุนนางชาวยุโรป ซึ่งในขณะนั้นหอยนางรมจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ตามมาด้วยกุ้งก้ามกราม ปู และปลาหลากหลายชนิด ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 19 เริ่มมีการนำน้ำแข็งมาใช้ เพื่อให้ความเย็นช่วยเก็บรักษาคุณภาพของอาหารทะเล ชะลอการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ซึ่งน้ำแข็งไม่เพียงช่วยในการรักษาความสดเท่านั้น แต่ยังช่วยรักษารสชาติและเนื้อสัมผัสของอาหารทะเลได้อีกด้วย
ฉากทานซีฟู้ดแพลตเตอร์ของมิสเตอร์บีนใน Le Train Bleu
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ มิสเตอร์บีนตัดสินใจใช้เวลาในปารีส ดื่มด่ำกับอาหารทะเลอันเลื่องชื่อในร้าน Le Train Bleu ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีอยู่จริง ขณะที่เขานั่งลงบนโต๊ะอาหาร สักพักก็มีอาหารทะเลจานใหญ่มาวางอยู่ตรงหน้า ซึ่งบริกรก็ได้แนะนำเมนูนี้ให้กับเขาพร้อมแนะนำวิธีการทานด้วยภาษากาย ซึ่งมิสเตอร์บีนก็ทำท่าทางเหมือนจะเข้าใจ
Seafood Platter ที่เสิร์ฟมาบนน้ำแข็ง มีทั้งกุ้งที่มาทั้งตัว ติดหัว, ก้ามและเปลือกมาด้วย หรือ หอยนางรมสดเป็น ๆ ที่ยังเห็นตัวหอยขยับได้ นี่เป็นสิ่งที่ดูจะห่างไกลจากประสบการณ์การทานอาหารทะเลของมิสเตอร์บีนมาก และด้วยธรรมชาติของเขาที่เป็นคนเปิ่น ๆ การพยายามจัดการกับอาหารทะเลของเขาจึงกลายเป็นความโกลาหลอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นฉากที่นำหอยนางรมเทใส่ในกระเป๋าของแขกที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ หรือ การฝืนกินกุ้งทั้งตัวเข้าไปโดยไม่แกะเปลือก
ความตลกขบขันและการสะท้อนวัฒนธรรม
ฉากอาหารทะเลในภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความตลกขบขันของมิสเตอร์บีนในการแก้ปัญหาต่อสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน แต่ในอีกมุมหนึ่งยังสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมระหว่างมิสเตอร์บีน ตัวละครชาวอังกฤษ และวัฒนธรรมในการรับประทานอาหารแบบฝรั่งเศส ซึ่งการต้องทำสิ่งใหม่ที่ฉีกไปจากขนบเดิม ๆ ที่เคยทำ ย่อมจะต้องรู้สึกตะขิดตะขวงบ้างอยู่แล้ว
หากเป็นคนปกติอย่างเรา ๆ อาจจะอาศัยการหาข้อมูลมาก่อน หรือเรียนรู้จากการสอบถามตรง ๆ กับเจ้าของวัฒนธรรมก็น่าจะพาตัวเองให้ผ่านช่วงเวลานั้นไปได้อย่างราบรื่น แต่เพราะแนวคิดที่แหวกแนวของมิสเตอร์บีน อันเป็นการเพิกเฉยต่อบรรทัดฐานทางสังคม และยังแก้ปัญหาจากสถานการณ์ตรงหน้า โดยการสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา เพียงภาพเหล่านั้นถูกนำเสนอมาอย่างขบขัน ฉาบไว้ด้วยความน่ารักแบบมิสเตอร์บีน เราจึงได้ชมฉากที่น่าจดจำจากภาพยนต์เรื่องนี้
ความงดงามของฝรั่งเศสและมรดกอาหารทะเล
ถึงแม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเล่าเรื่องราวสุดแปลกของมิสเตอร์บีน แต่ก็ยังคงแฝงไปด้วยภาพอันงดงามของฝรั่งเศส โดยนำเสนอภูมิประเทศที่สวยงาม มรดกทางวัฒนธรรม และอาหารรสเลิศอย่างซีฟู้ดแพลตเตอร์ ซึ่งเป็นอาหารทะเลที่เป็นส่วนสำคัญของวงการอาหาร เนื่องจากฝรั่งเศสมีพื้นที่ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีอาหารทะเลสดมากมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลในชายฝั่งของฝรั่งเศส
ฉากอาหารทะเลใน Mr. Bean's Holiday (2007) ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่น่าจดจำที่สุดในภาพยนตร์ด้วยสไตล์ที่ตลกขบขันของมิสเตอร์บีน ผสมผสานวัฒนธรรมของชาวฝรั่งเศส ทำให้ผู้ชมทั่วโลกจดจำภาพมิสเตอร์บีนที่พยายามจัดการกับกุ้งหรือพยายามทานหอยนางรมด้วยวิธีการที่แหวกแนว ซึ่งฉากต่าง ๆ เหล่านี้ได้สร้างเสียงหัวเราะและความบันเทิงให้กับผู้ชมทั่วโลกได้อย่างไม่รู้จบ โดยฉากนี้ไม่เพียงแต่ให้เสียงหัวเราะเท่านั้น แต่ยังทำให้คนทั่วโลกรู้จักวัฒนธรรมการทานอาหารของชาวฝรั่งเศสอีกด้วย