แชร์

Cereal (ซีเรียล)

มนุษย์เรารู้จักการเพาะปลูกธัญพืช เพื่อรับประทานเป็นอาหารเมื่อ 10,000 ปีก่อนคริสตกาล แต่การนำธัญพืชมาทำเป็นอาหารเช้ายอดนิยมอย่าง ซีเรียล เกิดขึ้นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาช่วงปลายศตวรรษที่ 18

จุดเริ่มต้นของซีเรียล: "กรานูล่า" อาหารเช้าเพื่อสุขภาพ

จุดเริ่มต้นของการทำซีเรียลเกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐอเมริกามีการปฏิวัติวงการอาหารครั้งใหญ่ โดย James C. Jackson แพทย์ที่เชื่อว่าการทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์เป็นกุญแจสำคัญสู่สุขภาพที่ดี ในปี ค.ศ. 1863 เขาจึงเริ่มผลิต ซีเรียลอาหารเช้าชนิดแรก ขึ้นมาแล้วตั้งชื่อว่า กรานูล่า (Granula) โดยนำข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต และข้าวโพดมาผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ มาทำเป็นอาหารเช้าเพื่อสุขภาพ ซึ่งแตกต่างจาก กราโนล่า (Granola) ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน

แต่ในตอนนั้นกรานูล่ายังเป็นอาหารเช้าที่ไม่เหมาะสำหรับคนเร่งรีบ เพราะกว่าจะได้ทาน ต้องนำไปแช่นมไว้อย่างน้อย 20 นาที เพื่อให้ธัญพืชอ่อนนุ่มและเคี้ยวง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามถึงแม้กรานูล่าจะเป็นอาหารเช้าที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ในขณะนั้นยังไม่มีอาหารเช้าประเภทไหนที่สะดวกและมีประโยชน์เท่ากรานูล่าอีกแล้ว

ความนิยมของกรานูล่ายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อ Jackson รณรงค์ให้ชาวอเมริกันหันมาบริโภคอาหารเช้าเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น เนื่องจากในสมัยนั้นชาวอเมริกันมักจะชอบทานอาหารเช้าแบบจัดหนักจัดเต็ม ที่เน้นเนื้อไม่เน้นผัก ซึ่งอาหารเหล่านี้มักก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมา เช่น ปัญหาท้องอืด อาหารไม่ย่อย เหตุนี้เองชาวอเมริกันจึงเริ่มคล้อยตามแล้วหันมาบริโภคกรานูล่ากันมากขึ้น

การแข่งขันที่ดุเดือด: จาก "กราโนล่า" สู่ "คอร์นเฟลกส์"

แต่แล้วในปี ค.ศ. 1880 John Kellogg Harvey ศัลยแพทย์เจ้าของศูนย์อนามัยเพื่อสุขภาพในรัฐมิชิแกน ก็ได้คิดค้นซีเรียลพร้อมทานชนิดใหม่ขึ้นมา ทำจากข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต และแป้งข้าวโพด แล้วตั้งชื่อเชิงล้อเลียนของ Jackson ว่า กราโนล่า (Granola) และด้วยความที่กราโนล่าของ John Kellogg เป็นอาหารเช้าที่มีประโยชน์ ปรุงได้ง่ายสามารถทานได้ทันที ในเวลาไม่นาน กราโนล่า จึงแซง กรานูล่า ขึ้นมา กลายเป็นอาหารเช้ายอดนิยมในสหรัฐอเมริกาอย่างรวดเร็ว

เรื่องราวของอาหารเช้ายังไม่จบเพียงเท่านี้เมื่อปี ค.ศ. 1893 John Kellogg ได้คิดค้นอาหารเช้ารูปแบบใหม่ ทำจากข้าวสาลีสุก อัดให้แบนเป็นเกล็ด จากนั้นอบให้แห้ง และตั้งชื่อว่า กราโนสเฟลกส์ (Granos Flakes) ซึ่งเป็นต้นแบบของ คอร์นเฟลกส์ (Cornflakes) ในปัจจุบัน แต่ในขณะนั้นเขาไม่รู้จะทำการตลาดอย่างไร จึงนำกราโนสเฟล็กส์ไปวางขายให้กับผู้ป่วยที่สถานีอนามัยเป็นหลัก

ต่อมาในปี ค.ศ. 1895 Charles William Post ผู้ป่วยที่รักษาตัวในสถานีอนามัยของ John Kellogg ได้พัฒนาเครื่องดื่มที่ทำจากธัญพืชออกมาจำหน่ายเป็นครั้งแรก หลังจากรักษาตัวจนหายดีแล้ว โดยเขากล่าวว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารเช้าเพื่อสุขภาพของ John Kellogg ระหว่างที่เขารักษาตัวอยู่นั้น เขามีโอกาสได้ทานกราโนสเฟลกส์อยู่บ่อย ๆ ซึ่งเขาเชื่อว่าอาหารเช้าชนิดนี้ทำให้เขาหายป่วย นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจเครื่องดื่มจากธัญพืช

นอกจากจะทำเครื่องดื่มธัญพืชแล้ว ท้ายที่สุด Charles William ก็ได้ผลิตซีเรียลของเขาขึ้นมาอีกหนึ่งชนิด คือ Grape-Nuts ซึ่งเขาทำการตลาดโดยการโฆษณาว่าการดื่มชา กาแฟ หรือทานอาหารหนัก ๆ ในตอนเช้านั้นไม่ดีต่อสุขภาพ จนทำให้ผลิตภัณฑ์ของเขาขายดิบขายดี ปัจจุบันบริษัทของ Charles William คือ บริษัท Post Consumer Brands

ต่อมาในปี 1900 Maximilian Bircher-Benner แพทย์ชาวสวิสก็ได้พัฒนาซีเรียลรูปแบบใหม่ขึ้นมาอีก ซึ่งทำมาจากข้าวโอ๊ต ผลไม้ และถั่ว เรียกว่า มูสลี่ (Muesli) ขายให้กับผู้ป่วยในโรงพยาบาล จนในที่สุดธุรกิจของเขาก็เริ่มเติบโต จากการบอกต่อของลูกค้า

เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว Willie Keith น้องชายของ John Kellogg จึงเข้ามาช่วยพี่ชายดูแลกิจการ เพราะเห็นว่าคู่แข่งนั้นเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ แต่พี่ชายของเขากลับขายสินค้าให้แต่ผู้ป่วย และไม่ทำการตลาดใด ๆ เลย จึงนำกราโนสเฟล็กส์มาปรับปรุง ให้เป็นเกล็ดข้าวโพด แล้วเรียกชื่อใหม่ว่า คอร์นเฟลกส์ (Corn Flakes) ต่อมาในปี ค.ศ. 1922 John Kellogg ได้จดทะเบียนโดยใช้ชื่อ Kellogg Company อย่างเป็นทางการ และวางแผนทำการตลาดไปทั่วโลก ปัจจุบันคอร์นเฟลกส์จึงกลายเป็นซีเรียลอาหารเช้าที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และบริษัทแห่งนี้ก็ยังคงเป็นบริษัทผลิตซีเรียลอาหารเช้ายักษ์ใหญ่ของโลกตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน

บทสรุป: ความหลากหลายที่เกิดจากการแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดในอุตสาหกรรมอาหารเช้าซีเรียล แต่ถ้าหากไม่มีการแข่งขันในครั้งนั้น ทุกวันนี้เราอาจจะไม่มีอาหารเช้าซีเรียลหลากหลายประเภทให้เลือกรับประทานก็ได้ค่ะ กล่าวถึงตรงนี้หลายคนก็อาจจะนึกขอบคุณนักพัฒนาซีเรียลหลายชนิดที่ทำให้ทุกวันนี้เรามี Granola, Cornflakes, Grape-Nuts, Muesli และอื่น ๆ ให้รับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย


บทความที่เกี่ยวข้อง
Eomuk (어묵, ออมุก)
ทำความรู้จัก Eomuk (어묵, ออมุก) อาหารพื้นบ้านที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมีความสำคัญในวัฒนธรรมการกินของชาวเกาหลี
Sole Filet (โซล ฟิเล่ต์)
ทำความรู้จัก Sole Filet (โซล ฟิเล่ต์) อาหารฝรั่งเศสสุดคลาสสิกจากภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง Julie & Julia (2009)
Sausages with Sauerkraut (ซอสเสจเจส วิท ซาวเออร์-เคราท์)
ทำความรู้จัก Sausages with Sauerkraut (ซอสเสจเจส วิท ซาวเออร์-เคราท์) ไส้กรอกและกะหล่ำปลีดองอาหารขึ้นชื่อของชาวเยอรมัน
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ