Wine in Cans

ไวน์ในกระป๋อง เปลี่ยนภาพจำไวน์แบบดั้งเดิม

เมื่อพูดถึงไวน์ ภาพที่คนส่วนใหญ่นึกถึงมักจะเป็นขวดแก้วทรงหรูหรา และการรินลงในแก้วคริสตัลอย่างพิถีพิถัน ดังนั้นแนวคิดของ ไวน์ในกระป๋อง จึงอาจดูแปลกใหม่ และขัดกับภาพลักษณ์ของไวน์ในอดีต ทว่าเบื้องหลังของไวน์ในบรรจุภัณฑ์แบบนี้ กลับสะท้อนถึง การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและเทคโนโลยี ที่เกิดขึ้นจริงในอุตสาหกรรมไวน์ทั่วโลก

จุดเริ่มต้นของการทดลองบรรจุไวน์ในกระป๋อง

แม้จะดูเหมือนเป็นของใหม่ แต่การทดลองบรรจุไวน์ในกระป๋องนั้น เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1930 แล้ว โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้สามารถขนส่งและบริโภคไวน์ได้สะดวกขึ้นในโอกาสพิเศษ เช่น การเดินทาง หรือกิจกรรมกลางแจ้ง อย่างไรก็ตามด้วยเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ในยุคนั้นที่ยังไม่สามารถควบคุมความเสถียรของรสชาติได้ ทำให้ไวน์กระป๋องยุคแรก ไม่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์

จุดเปลี่ยนสำคัญ: เทคโนโลยี Vinsafe จากออสเตรเลีย

ในปี 1996 บริษัท Barokes จากออสเตรเลียได้คิดค้นเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Vinsafe ซึ่งเป็นระบบที่ทำให้สามารถบรรจุไวน์ลงในกระป๋องได้ โดยไม่สูญเสียรสชาติ และสามารถเก็บรักษาไวน์ได้ในระยะยาว พวกเขาจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีนี้ในปี 2002 และอนุญาตให้ผู้ผลิตไวน์รายอื่นนำไปใช้ได้ นับเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ ไวน์กระป๋อง เริ่มกลายเป็นทางเลือกจริงจังในตลาด

ปัจจัยที่ทำให้ไวน์กระป๋องได้รับความนิยมมากขึ้น

• ขนาดเหมาะสำหรับการดื่มหนึ่งคน โดยไม่ต้องเปิดขวดใหญ่
• สะดวกพกพา และเบากว่าขวดแก้ว
• เหมาะกับการดื่มไวน์แบบไม่เป็นทางการ เช่น งานปิกนิก เดินป่า คอนเสิร์ต หรือบนชายหาด
• เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าในแง่ของน้ำหนักขนส่ง และสามารถ รีไซเคิลได้ง่าย
• ราคาย่อมเยา เข้าถึงง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคหน้าใหม่

การเปลี่ยนภาพลักษณ์ของไวน์ เข้าถึงง่าย สะดวก และสนุก

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตไวน์ได้หันมาให้ความสำคัญกับไวน์กระป๋องมากขึ้น โดยมีการเลือกใช้ ไวน์คุณภาพดี ใส่ลงในกระป๋อง และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ดูทันสมัย น่าสะสม และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่

ไวน์กระป๋องจึงไม่ใช่เพียงแค่เครื่องดื่มสำรอง หรือทางเลือกสำหรับ นักดื่มมือใหม่ เท่านั้น แต่ยังเป็นไวน์อีกหนึ่งประเภทที่ผู้ผลิตให้ความสนใจจริงจัง ทั้งในแง่ของรสชาติและความยั่งยืน

แนวโน้มในอนาคตของไวน์ในกระป๋อง

แม้ว่าในปัจจุบันไวน์กระป๋องจะยังมีสัดส่วนการตลาดน้อยกว่าไวน์ขวดแก้วอย่างชัดเจน แต่ด้วยแนวโน้มการบริโภคที่เน้น ความสะดวก ความหลากหลาย และการลดคาร์บอนฟุตพรินต์ ทำให้ผู้ผลิตไวน์จำนวนมากหันมาให้ความสนใจและพัฒนาสินค้าประเภทนี้อย่างต่อเนื่อง