Lamington Cake (เค้กลามิงตัน)
ออสเตรเลียเป็นดินแดนที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์อันเรียบง่ายและแฝงไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมอันน่าทึ่ง ดังนั้นเอกลักษณ์อันเป็นที่น่าจดจำของประเทศนี้จึงไม่ได้มีเพียงจิงโจ้และโคอาล่าเท่านั้น เพราะอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือความหลากหลายด้านอาหาร หากคุณได้เดินสำรวจไปตามท้องถนนในเมืองต่างๆ ของออสเตรเลีย คุณจะพบเห็นร้านอาหารมากมายที่นำเสนอการผสมผสานอาหารจากหลากหลายเชื้อชาติ แต่ไม่ว่าจะเป็นร้านสไตล์ไหน ร้านอาหารหลายแห่งมักจะมี เค้กลามิงตัน (Lamington Cake) เป็นเมนูเด่นประจำร้าน ซึ่งเป็นขนมหวานที่ครองใจทั้งชาวออสเตรเลียและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจประวัติศาสตร์อันน่าสนใจของเค้กลามิงตัน ซึ่งแม้จะมีการถกเถียงกันมานาน แต่ความอร่อยและบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมออสเตรเลียนั้นปฏิเสธไม่ได้เลย
เค้กลามิงตันคืออะไร และความลึกลับของต้นกำเนิด
เค้กลามิงตัน เป็นขนมหวานที่ขึ้นชื่ออย่างมากของประเทศออสเตรเลีย หากใครที่เคยไปท่องเที่ยวที่นั่นน่าจะมีโอกาสได้ลิ้มลองรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของมันมาบ้างแล้ว เค้กลามิงตันโดดเด่นด้วยเนื้อสัมผัสของ สปันจ์เค้กนุ่มฟู ที่ถูกตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยม จากนั้นนำไป จุ่มลงในซอสช็อกโกแลตเข้มข้น และ คลุกเคล้าให้ทั่วด้วยมะพร้าวขูด จนเกิดเป็นความลงตัวของรสชาติและเนื้อสัมผัสที่หวานฉ่ำ ชุ่มชื่น และหอมมันของมะพร้าว อย่างไรก็ตาม ต้นกำเนิดที่แท้จริงของเค้กลามิงตันยังคงเป็นเรื่องราวที่มีการถกเถียงและค้นคว้ากันมานานหลายศตวรรษ
ทฤษฎีที่ 1: การกำเนิดที่ทำเนียบรัฐบาลควีนส์แลนด์
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าเค้กลามิงตันได้รับการรังสรรค์ขึ้นมาในช่วง ต้นศตวรรษที่ 20 โดยกล่าวกันว่าชื่อเค้กนั้นมาจากชื่อของ Lord Lamington (ลอร์ด ลามิงตัน) ผู้ว่าการรัฐควีนส์แลนด์ ผู้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 1896 ถึง 1901 ทฤษฎีนี้บอกเล่าเรื่องราวของ Armand Gallad (อาร์มองด์ กัลลาด) เชฟชาวฝรั่งเศสผู้มากฝีมือที่ทำงานให้กับ Lord Lamington
เรื่องราวเล่าว่า วันหนึ่งแขกที่ไม่คาดคิดได้เดินทางมาเยือนทำเนียบรัฐบาลอย่างกะทันหัน ทำให้ Lord Lamington ต้องสั่งให้เชฟของเขาเตรียมอาหารว่างเพื่อต้อนรับแขกเหล่านั้นโดยด่วน ขณะนั้นส่วนผสมที่เหลืออยู่ในครัวมีอยู่จำกัด เนื่องจากเชฟ Gallad ไม่ได้เตรียมวัตถุดิบไว้ล่วงหน้า ด้วยไหวพริบและความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เขาจึงคิดค้นอาหารว่างเมนูใหม่ขึ้นมาด้วยส่วนผสมที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้น เขาได้นำ สปันจ์เค้กที่ทำเก็บไว้ในวันก่อน (ซึ่งเป็นเทคนิคที่เชฟยุคนั้นนิยมใช้เพื่อความสะดวก) มาตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมพอดีคำ จากนั้นนำไป จุ่มลงในซอสช็อกโกแลต เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและรสชาติ แล้วจึงนำไป คลุกเคล้ากับมะพร้าวแห้งขูด เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสและความหอม ซึ่งเป็นส่วนผสมที่มีอยู่ในครัวอยู่แล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือขนมหวานที่อร่อยและแปลกใหม่ ซึ่งถูกตั้งชื่อตาม Lord Lamington นั่นเอง เรื่องราวนี้เป็นที่ยอมรับและเล่าขานกันมาอย่างแพร่หลายในออสเตรเลีย
การถกเถียงเรื่องต้นกำเนิด : นิวซีแลนด์ หรือ ควีนส์แลนด์?
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของเค้กลามิงตันไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น เพราะมีจุดพลิกผันที่น่าสนใจ นักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่าเค้กลามิงตันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในออสเตรเลีย แต่กลับ ถูกสร้างขึ้นในนิวซีแลนด์ โดยมีการอ้างว่าสูตรนี้ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในตำราอาหารนิวซีแลนด์ชื่อ The Lamington Book ซึ่งตีพิมพ์ออกมาก่อนที่ Lord Lamington จะดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐควีนส์แลนด์เสียอีก ทำให้เกิดข้อโต้แย้งเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดที่แท้จริง
แต่เรื่องราวนี้ก็ยังไม่สิ้นสุด เพราะมีการถกเถียงกันขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากมีหลักฐานสำคัญที่พบว่าสูตรเค้กลามิงตันที่รู้จักกันในปัจจุบัน ซึ่งมีลักษณะและส่วนผสมที่ตรงกับเค้กลามิงตันที่เราคุ้นเคย ได้ถูกตีพิมพ์ขึ้นมาครั้งแรกในนิตยสาร Queensland Country Life ฉบับวันที่ 17 ธันวาคม ปี ค.ศ. 1900 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ Lord Lamington ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐควีนส์แลนด์อยู่พอดี ดังนั้น เรื่องราวที่เค้กลามิงตันถือกำเนิดขึ้นในควีนส์แลนด์และตั้งชื่อตาม Lord Lamington จึงยังคงมีความน่าเชื่อถือมากที่สุดและเป็นที่ยอมรับในวงกว้างมากกว่า
จากการถกเถียง สู่ขนมหวานระดับชาติ
ถึงแม้ประวัติศาสตร์จะมีการถกเถียงกันไปมาถึงแหล่งกำเนิดที่แน่ชัด แต่ท้ายที่สุดแล้ว เค้กลามิงตันก็กลายเป็นขนมหวานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดที่ชาวออสเตรเลียให้การยอมรับ และยกให้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางอาหารประจำชาติ หลังจากสูตรได้รับการเผยแพร่ เค้กลามิงตันก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วออสเตรเลียอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่า ซึ่งได้แทรกซึมเข้าไปตามร้านน้ำชา ร้านเบเกอรี่ และกลายเป็นอาหารว่างยอดนิยมในการพบปะสังสรรค์และการดื่มชายามบ่ายของชาวออสเตรเลีย ด้วยความเรียบง่ายในการทำ ผสานกับรสชาติที่น่าหลงใหลและเนื้อสัมผัสที่ลงตัว ทำให้เค้กลามิงตันกลายเป็น "ไอคอนยอดนิยมของออสเตรเลีย" ที่ไม่ว่าใครก็รู้จัก
บทบาททางสังคมและการกุศล
ในช่วง สงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2 เค้กลามิงตันได้มีความสำคัญมากขึ้นในสังคมออสเตรเลีย ไม่ใช่แค่ในฐานะขนมหวานเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนทางสังคมและกิจกรรมเพื่อการกุศล ชาวออสเตรเลียมักจะใช้ขนมหวานชนิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการระดมทุนเพื่อการกุศลต่างๆ รวมถึงการสนับสนุนทหารที่เข้าร่วมในภาวะสงครามและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง เนื่องจากเค้กลามิงตันเป็นขนมหวานที่เตรียมง่าย มีราคาที่ย่อมเยา และอร่อยอิ่มท้อง สามารถผลิตได้ในปริมาณมาก และแจกจ่ายได้สะดวก ดังนั้นในช่วงเวลานี้ ภาพจำของเค้กลามิงตันจึงถูกผูกไว้กับงานการกุศลขององค์กรต่างๆ และกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีและการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในยามยาก
การพัฒนาและหลากหลายของรสชาติในยุคปัจจุบัน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เค้กลามิงตันได้รับการพัฒนาให้มีรสชาติและรูปแบบใหม่ๆ มากมาย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สูตรดั้งเดิมเท่านั้น คนทำขนมและเชฟรุ่นใหม่ได้ทดลองสร้างสรรค์สูตรใหม่ๆ เพื่อเพิ่มมิติและความหลากหลายให้กับขนมคลาสสิกนี้:
- การสอดไส้: มีการสอดไส้ด้วยแยมรสชาติต่างๆ (เช่น ราสเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี) หรือครีมสดต่างๆ (เช่น ครีมวนิลา วิปปิ้งครีม) ลงไประหว่างชั้นสปันจ์เค้ก เพื่อเพิ่มความหวานฉ่ำและความหอมมันที่น่าสนใจ
- การเคลือบซอสหลากหลายรสชาติ: นอกจากซอสช็อกโกแลตแบบดั้งเดิมแล้ว บางสูตรอาจจะนำสปันจ์เค้กไปเคลือบด้วยซอสรสชาติใหม่ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ซอสกาแฟ ซอสสตรอว์เบอร์รี ซอสส้ม ซอสเลมอน หรือแม้แต่ซอสที่ผสมผสานกลิ่นของผลไม้เมืองร้อน เพื่อสร้างรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เค้กลามิงตันในวันนี้ การเฉลิมฉลองประจำชาติ
ทุกวันนี้ เค้กลามิงตันยังคงฝังแน่นอยู่ในวัฒนธรรมของออสเตรเลียอย่างไม่เสื่อมคลายจนกระทั่งมีวันพิเศษของตัวเอง โดย วันลามิงตันแห่งชาติ (National Lamington Day) จะมีการเฉลิมฉลองในวันที่ 21 กรกฎาคม ของทุกปี ซึ่งในวันนี้ ร้านเบเกอรี่ ร้านกาแฟ และครัวเรือนทั่วประเทศออสเตรเลียจะแสดงความรักต่อขนมหวานชนิดนี้ด้วยการดื่มด่ำกับรสชาติที่หลากหลายของเค้กลามิงตันกันตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นสูตรคลาสสิกหรือสูตรใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์ขึ้นมา นี่คือขนมหวานที่สะท้อนถึงความเรียบง่าย ความสุข และความผูกพันในใจของชาวออสเตรเลียอย่างแท้จริง