แชร์

Left Bank vs. Right Bank ต่างกันอย่างไร?

Bordeaux (บอร์โดซ์) คือหนึ่งในภูมิภาคผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ความพิเศษของบอร์โดซ์ไม่ได้มีแค่ประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่ยังรวมถึงการแบ่งพื้นที่ออกเป็นสองฝั่งหลักที่สำคัญ นั่นคือ Left Bank (ฝั่งซ้าย) และ Right Bank (ฝั่งขวา) โดยมีแม่น้ำ Gironde (จีรงด์) คั่นอยู่ตรงกลาง การแบ่งฝั่งนี้ไม่ใช่แค่การแบ่งพื้นที่ แต่ยังหมายถึงสไตล์ รสชาติ และเอกลักษณ์ของไวน์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกความต่างของสองฝั่งนี้ เพื่อให้คุณเลือกไวน์บอร์โดซ์ที่ตรงใจได้ง่ายขึ้นค่ะ

ทำความเข้าใจภูมิศาสตร์ของ Bordeaux

ภูมิภาคบอร์โดซ์เป็นที่บรรจบกันของแม่น้ำสองสายหลัก ได้แก่ แม่น้ำ Garonne (การอนน์) และแม่น้ำ Dordogne (ดอร์ดอญ) ซึ่งไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำสายหลักคือแม่น้ำ Gironde ที่ไหลลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติก

  • Right Bank (ฝั่งขวา): ตามแผนที่ทางภูมิศาสตร์ พื้นที่ที่อยู่ทาง เหนือ และทาง ขวา ของแม่น้ำ Gironde จะถูกเรียกว่า "Right Bank"
  • Left Bank (ฝั่งซ้าย): ส่วนพื้นที่ที่อยู่ทาง ใต้ และทาง ซ้าย ของแม่น้ำ Gironde จะถูกเรียกว่า "Left Bank"

การที่แม่น้ำเป็นตัวแบ่งเขตเช่นนี้ ไม่เพียงแค่แยกพื้นที่ทางกายภาพ แต่ยังส่งผลต่อลักษณะของดินและสภาพภูมิอากาศย่อย (microclimate) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดสไตล์ของไวน์

ความแตกต่างด้านดินและพันธุ์องุ่นหลัก

ลักษณะของดินและสภาพภูมิประเทศคือหัวใจสำคัญที่ทำให้ไวน์จากสองฝั่งนี้มีรสชาติและสไตล์ที่แตกต่างกัน

Left Bank (ฝั่งซ้าย)

  • ลักษณะดิน: มีพื้นที่ค่อนข้างราบเรียบ โดดเด่นด้วยดินกรวด (gravel) และหินปูน (limestone) ซึ่งเป็นดินที่มีการระบายน้ำได้ดีเยี่ยม ความร้อนที่สะสมในก้อนกรวดยังช่วยให้องุ่นสุกงอมได้ดี
  • พันธุ์องุ่นหลัก: เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการปลูกองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon (กาแบร์เนต์ โซวีญยง)
  • สไตล์ไวน์: ไวน์จากฝั่งซ้ายมักให้รสชาติที่ เข้มข้น ซับซ้อน แทนนินสูง (ให้ความรู้สึกฝาดในปาก) และมีโครงสร้างที่แข็งแรง ทำให้มีศักยภาพในการบ่มที่ยาวนาน ยิ่งบ่มนาน ความซับซ้อนและมิติของรสชาติก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น มักมีกลิ่นอายของผลไม้สีดำ (เช่น แบล็กเคอร์แรนท์), ซีดาร์, ยาสูบ และมินต์

Right Bank (ฝั่งขวา)

  • ลักษณะดิน: มีดินเหนียว (clay) เป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งช่วยกักเก็บน้ำได้ดีกว่าดินกรวด
    พันธุ์องุ่นหลัก: เหมาะสำหรับปลูกองุ่นสายพันธุ์ Merlot (แมร์โลต์)
  • สไตล์ไวน์: ไวน์จากฝั่งขวามักให้รสชาติที่ อ่อนนุ่ม ดื่มง่ายกว่า มีกลิ่นหอมของผลไม้สีแดง (เช่น เชอร์รี่ และราสเบอร์รี่) โดดเด่น และมี แทนนินที่นุ่มนวลกว่า Left Bank มักมีกลิ่นของช็อกโกแลต, พลัม และสมุนไพร
  • Bordeaux Blend: การผสมผสานที่ลงตัว


แม้ว่า Left Bank และ Right Bank จะมีพันธุ์องุ่นหลักที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองฝั่งก็ยังคงมีการผสมผสานองุ่นพันธุ์อื่น ๆ ลงไปด้วยเป็นครั้งคราว ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของไวน์บอร์โดซ์ที่เรียกว่า "Bordeaux Blend" โดยพันธุ์องุ่นรองที่นิยมนำมาผสม ได้แก่ Cabernet Franc (กาแบร์เนต์ ฟรอง), Petit Verdot (เปอตี แวร์โดต์) และ Malbec (มัลเบค)

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไร่องุ่นบางแห่งใน Right Bank เริ่มหันมาใช้ Cabernet Franc มากขึ้นในการผสม เนื่องจากต้องการเพิ่มความสดชื่น โครงสร้าง และมิติของกลิ่นหอมให้กับไวน์

ความโดดเด่นและไร่ไวน์ชั้นนำของแต่ละฝั่ง

Left Bank : ศูนย์รวมไวน์แดงระดับโลก

ไวน์ Left Bank ถือเป็นไวน์แดงชั้นนำของโลกที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ด้วยรสชาติที่โดดเด่นและซับซ้อน จึงเป็นที่ต้องการของนักสะสมไวน์ทั่วโลก ไวน์ที่มีราคาสูงและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางส่วนใหญ่ก็มาจาก Left Bank โดยเฉพาะในพื้นที่สำคัญอย่าง Médoc (เมด็อก), Pauillac (โปยัก), Margaux (มาร์โกซ์) และ Graves (กร๊าฟ)

ไร่องุ่นชื่อดังที่จัดอยู่ใน Class สูงสุด (Premier Grand Cru Classé) ของฝั่ง Left Bank ได้แก่

  • Château Lafite Rothschild (ชาโต ลาฟิต รอธส์ไชลด์)
  • Château Latour (ชาโต ลาตูร์)
  • Château Margaux (ชาโต มาร์โกซ์)
  • Château Mouton Rothschild (ชาโต มูตอง รอธส์ไชลด์)
  • Château Haut-Brion (ชาโต โอ-บรีอง)

นอกจากไวน์แดงแล้ว Left Bank ยังมีไวน์หวานที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง Château d'Yquem (ชาโต ดีแกม) ซึ่งผลิตในพื้นที่ Graves ด้วย

Right Bank : คุณภาพที่แตกต่าง แต่ไม่แพ้ใคร

แม้ว่าชื่อเสียงอาจไม่ได้โด่งดังเท่า Left Bank ในแง่ของไวน์แดงระดับ "Grand Cru Classé" แต่การผลิตไวน์ที่ Right Bank ก็มีคุณภาพไม่แพ้กัน เพียงแต่มีสไตล์ที่แตกต่างออกไป ไวน์ส่วนใหญ่จะผลิตในพื้นที่สำคัญอย่าง St-Émilion (แซ็ง-เอมีลียง) และ Pomerol (ปอมเมอรอล)

ไร่องุ่นชื่อดังจาก Right Bank ได้แก่

  • Château Cheval Blanc (ชาโต เชอวาล บลอง)
  • Château Pavie (ชาโต ปาวี)
  • Château Ausone (ชาโต โอซอน)
  • Pétrus (เปตรุส): จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในไวน์ที่แพงที่สุดในโลก และเป็นที่ต้องการของนักสะสมอย่างยิ่ง
  • Château Le Pin (ชาโต เลอ แปง): หายากมาก เพราะผลิตในปริมาณที่น้อยนิด


เลือกไวน์ Bordeaux ที่ใช่สำหรับคุณ

การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Left Bank และ Right Bank ช่วยให้นักดื่มไวน์สามารถเลือกไวน์ที่ถูกใจได้ง่ายขึ้น โดยพิจารณาจาก:

  • รสชาติที่ต้องการ: หากชอบไวน์ที่เข้มข้น แทนนินสูง บ่มนานได้ดี ให้มองหาไวน์จาก Left Bank (Cabernet Sauvignon-dominant) แต่หากชอบไวน์ที่นุ่มนวล มีกลิ่นผลไม้ชัดเจน ดื่มง่ายกว่า ให้เลือกไวน์จาก Right Bank (Merlot-dominant)
  • ชื่อเสียงและคะแนนจากนักวิจารณ์: หากสนใจไวน์ระดับโลก หรือไวน์ที่ได้รับคะแนนสูง สามารถใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจ
  • โอกาสในการดื่ม: ไวน์บางชนิดอาจเหมาะกับการดื่มในโอกาสพิเศษ ในขณะที่บางชนิดเหมาะกับการดื่มในชีวิตประจำวัน

    ทั้งนี้ ริมปิงขออนุญาตแนะนำว่า "ไวน์ดีไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป และไวน์แพงบางครั้งก็อาจไม่ถูกปากเรา" ไวน์ที่ดีที่สุดคือ "ไวน์ที่เราชอบ" ค่ะ จงสนุกกับการสำรวจและค้นพบไวน์บอร์โดซ์สไตล์ที่คุณหลงรัก!





บทความที่เกี่ยวข้อง
Jägermeister (เยเกอร์ไมสเตอร์)
ทำความรู้จัก Jägermeister (เยเกอร์ไมสเตอร์) ลิเคียวสมุนไพรจากประเทศเยอรมนี และตำนานของ Saint Hubertus อันเป็นที่มาของชื่อแบรนด์และตราสัญลักษณ์รูปกวางและไม้กางเขน
Southern Comfort (เซาเทิร์น คอมฟอร์ท)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Southern Comfort (เซาเทิร์น คอมฟอร์ท) วิสกี้รสนุ่มนวลเคล้ากลิ่นผลไม้จากเมืองนิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา
Bénédictine (เบนเนดิกทีน)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Bénédictine (เบนเนดิกทีน) ลิเคียวสมุนไพรจากประเทศฝรั่งเศส ที่มีอายุยาวนานกว่า 500 ปี
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ