Amaretto (อะมาเรตโต้)
Amaretto (อะมาเรตโต้) เป็นเหล้าอิตาเลียนที่เลื่องชื่อในเรื่องรสชาติอัลมอนด์ หวานหอมดื่มง่าย โดดเด่นด้วยเนื้อสัมผัสที่มีความหนืดสูงคล้ายกับยาแก้ไอ นิยมใช้เป็นส่วนผสมในขนมอบ ไอศกรีม และค็อกเทลหลากหลายชนิด มีระดับแอลกอฮอล์อยู่ที่ 21 ถึง 28 เปอร์เซ็นต์
ตำนานแห่งกำเนิด: จากคุกกี้สู่สุราแห่งความรัก
เรื่องราวของ Amaretto มีประวัติย้อนกลับไปในอิตาลี แต่ต้นกำเนิดนั้นค่อนข้างคลุมเครือ
ตำนานแรก กล่าวว่าครอบครัว Lazzaroni ในเมือง Saronno แคว้น Lombardy ประเทศอิตาลี เป็นผู้คิดค้นเครื่องดื่มชนิดนี้ขึ้นมา เนื่องจากในช่วงปี 1786 ครอบครัวนี้ได้อบคุกกี้ Amaretto ที่มีชื่อเดียวกับเครื่องดื่มนี้ถวายให้กับกษัตริย์ และต่อมาในปี 1851 พวกเขาก็สร้างสรรค์เหล้ากลั่นที่มีกลิ่นหอมของอัลมอนด์ เรียกว่า Amaretto Liqueur ขึ้นมา เพื่อใช้เป็นส่วนผสมในการทำคุกกี้
อีกตำนานหนึ่ง เล่าว่า Amaretto ถูกคิดค้นขึ้นมาในยุคเรอเนซองส์ช่วงต้นศตวรรษที่ 16 โดยแม่หม้ายสาวที่เป็นแบบให้กับ Bernardino Luini จิตรกรยุคเรอเนซองส์ในปี 1525 ว่ากันว่าแม่หม้ายสาวคนนี้ตกหลุมรัก Luini เธอจึงคิดค้นเหล้าอัลมอนด์สูตรพิเศษขึ้นมา เพื่อมอบให้กับเขา ด้วยเหตุนี้ Amaretto Liqueur จึงถือกำเนิดขึ้น และกลายเป็นที่รู้จัก Amaretto di Saronno เนื่องจากแม่หม้ายสาวคนนี้คิดค้นสูตรขึ้นมาในเมือง Saronno เช่นเดียวกัน
ถึงแม้เรื่องราวต้นกำเนิดจะค่อนข้างคลุมเครือแต่ท้ายที่สุดแล้ว Amaretto ก็ได้รับความสนใจในอิตาลี โดยชื่อเสียงเริ่มแพร่กระจายไปเกินขอบเขตของ Saronno จนได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นสูงทั่วอิตาลี และกลายมาเป็นเครื่องดื่มหลักในงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ
Amaretto di Saronno สู่ความนิยมระดับโลก
ต่อมาในช่วงปี 1940 ตระกูล Reina เจ้าของแบรนด์ Disaronno Originale อันโด่งดัง ก็ได้ปรับปรุงสูตรและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ Amaretto โดยพัฒนาให้มีรสชาตินุ่มนวลมากขึ้น พร้อมทั้งทำให้กลิ่นหอมของอัลมอนด์มีความชัดเจนมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ Amaretto จึงได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ชื่อ Amaretto ในภาษาอิตาลีแปลตรงๆ ว่า อัลมอนด์ขม (Bitter almond) แต่รสชาติของเครื่องดื่มชนิดนี้กลับตรงกันข้าม เพราะ Amaretto เป็นเหล้าที่มีรสหวานและหอมละมุนมาก มักจะถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมของขนมหวาน ไอศกรีม รวมถึงค็อกเทลหลากหลายเมนู หากเป็นค็อกเทลมักจะนิยมเสิร์ฟหลังอาหาร
ในช่วงศตวรรษที่ 20 Amaretto เริ่มกลายเป็นที่รู้จักในระดับโลก ด้วยความอเนกประสงค์ที่สามารถนำไปผสมทำเป็นค็อกเทลได้หลากหลาย เช่น Amaretto Sour, Godfather และนอกจากค็อกเทลแล้ว Amaretto ยังเป็นวัตถุดิบยอดนิยมสำหรับคนทำขนมอีกด้วย มักถูกนำไปผสมทำเป็นทีรามิสุ, พานาคอตต้า, ไอศกรีม, เค้ก, คุกกี้ และอื่นๆ อีกมากมาย