แชร์

Amaro (อะมาโร)

Amaro (อะมาโร) เป็นเหล้าสมุนไพรจากอิตาลีที่เกิดจากการนำแอลกอฮอล์ไปกลั่นกับสมุนไพร รากไม้ เปลือกไม้ และเครื่องเทศ พัฒนามาจากยาสมุนไพรในสมัยโบราณ นิยมดื่มเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยในการย่อยอาหาร มีปริมาณแอลกอฮอล์ระหว่าง 16 - 40% วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Amaro เครื่องดื่มที่ซ่อนเสน่ห์แห่งรสขมและกลิ่นหอมของสมุนไพรกันค่ะ

ต้นกำเนิดในอาราม: จากยาสมุนไพรสู่รากฐาน Amaro (ยุคกลาง)

Amaro เป็นคำภาษาอิตาลีที่แปลว่า ขม ซึ่งสื่อถึงรสชาติของเครื่องดื่ม มีต้นกำเนิดย้อนกลับไปในช่วง ยุคกลาง ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยคณะนักบวชในอิตาลี ในช่วงเวลานี้อารามต่างๆ เริ่มหันมากลั่นสุราด้วยสมุนไพรหลากหลายชนิด เพื่อสร้างสรรค์เครื่องดื่มที่ช่วยในการย่อยอาหาร และรักษาโรคต่างๆ โดยเป็นการวางรากฐานสำหรับการพัฒนา Amaro ในปัจจุบัน

การผลิตเชิงพาณิชย์และการแพร่หลายของวัฒนธรรม Digestivo (ศตวรรษที่ 19)

ใน ศตวรรษที่ 19 Salvatore Averna พ่อค้าในอิตาลีได้รับสูตร Amaro จากนักบวชคนหนึ่งแล้วนำมาพัฒนาต่อจนในที่สุดก็ได้สูตร Amaro ที่สมบูรณ์แบบ จากนั้นเขาก็เริ่มสร้างโรงกลั่นขนาดเล็กสำหรับผลิต Amaro ในหมู่บ้าน Caltanisetta ในซิซิลี ประเทศอิตาลี เพื่อจำหน่าย Amaro ในเชิงพาณิชย์ภายใต้ชื่อ Averna ซึ่งเป็นแบรนด์ที่โด่งดังในปัจจุบัน

ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ Gaspare Campari ได้คิดค้นเครื่องดื่มสีแดงที่ชื่อว่า Campari ขึ้นมา ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับการดื่มหลังอาหารเพื่อช่วยย่อยอาหาร สิ่งนี้ส่งผลให้วัฒนธรรมการดื่มหลังอาหาร (Digestivo) ของอิตาลีได้รับความนิยมมากขึ้น และเครื่องดื่มประเภทช่วยย่อยอาหารก็เริ่มได้รับการยอมรับตามไปด้วยไม่เพียงแค่ Campari เท่านั้นแต่รวมถึง Amaro และเครื่องดื่มช่วยย่อยอาหารประเภทอื่นๆ ด้วย

ช่วงกลาง ศตวรรษที่ 19 Amaro ได้รับการผลิตในเชิงพาณิชย์มากขึ้น โรงกลั่นหลายแห่งเริ่มพัฒนาสูตรลับของตัวเองขึ้นมา ทำให้ยุคนี้เป็นยุคแห่งการสร้างแบรนด์ Amaro ที่มีชื่อเสียง เช่น Fernet-Branca, Montenegro, Lucano และ Ramazzotti

จากอิตาลีสู่เวทีโลก: Amaro ในฐานะเครื่องดื่มค็อกเทล (หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 - ปัจจุบัน)

หลัง สงครามโลกครั้งที่สอง ความนิยมของ Amaro ก็แพร่กระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ ผู้อพยพชาวอิตาลีนำ Amaro มายังทวีปอเมริกา และเหล่าบาร์เทนเดอร์ก็เริ่มนำ Amaro มาผสมทำเป็นค็อกเทลหลากหลายชนิด เช่น Black Manhattan, Paper Plane, Brooklyn และ Countess Negroni

ปัจจุบัน Amaro ยังคงได้รับความนิยมในโลกของเครื่องดื่ม ซึ่งแพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก โดยสามารถเสิร์ฟได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น:

  • ดื่มแบบ Neat: เท Amaro ลงในแก้วช็อต หรือแก้วค็อกเทล จิบช้าๆ สัมผัสกับรสชาติ และกลิ่นหอมที่ซับซ้อน
  • ดื่มแบบ On the Rocks: โดยเพิ่มน้ำแข็ง 1-2 ก้อนลงในแก้ว วิธีการนี้จะช่วยเจือจางความขม และดึงรสชาติของสมุนไพรออกมาได้ดี
  • ดื่มแบบผสมค็อกเทล: เช่น Black Manhattan, Paper Plane และ Brooklyn
  • ดื่มแบบผสมน้ำอัดลม: เช่น โซดา น้ำแร่ หรือโทนิก เพื่อเพิ่มความซ่าสดชื่น เหมาะสำหรับอากาศร้อนๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง
Wheat Beer (วีทเบียร์)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ความเป็นมาของ Wheat Beer (วีทเบียร์)
Jägermeister (เยเกอร์ไมสเตอร์)
ทำความรู้จัก Jägermeister (เยเกอร์ไมสเตอร์) ลิเคียวสมุนไพรจากประเทศเยอรมนี และตำนานของ Saint Hubertus อันเป็นที่มาของชื่อแบรนด์และตราสัญลักษณ์รูปกวางและไม้กางเขน
Southern Comfort (เซาเทิร์น คอมฟอร์ท)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Southern Comfort (เซาเทิร์น คอมฟอร์ท) วิสกี้รสนุ่มนวลเคล้ากลิ่นผลไม้จากเมืองนิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ