Chikuwa (ชิคุวะ, ちくわ)
ในบรรดาอาหารแปรรูปจากปลาของญี่ปุ่น Chikuwa (ชิคุวะ, ちくわ) ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยลักษณะเฉพาะตัว เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่ม และรสชาติกลมกล่อม Chikuwa ทำมาจาก ซูริมิ (เนื้อปลาบด) ผสมกับเกลือ น้ำตาล แป้ง และไข่ขาว จากนั้นนำไปพันรอบไม้ไผ่แล้วย่าง หรือนึ่งให้สุก ด้วยเหตุนี้จึงมีชื่อเรียกว่า Chikuwa ซึ่งแปลว่า วงแหวนไม้ไผ่ ในภาษาญี่ปุ่นนั่นเอง
ชิคุวะเป็นอาหารที่อุดมไปด้วย โปรตีนสูง ไขมันต่ำ และมีเนื้อสัมผัสเหนียว นุ่ม หนึบ ที่เป็นเอกลักษณ์ ชาวญี่ปุ่นนิยมนำไปประกอบอาหารหลากหลายชนิด เช่น หม้อไฟนาเบะ, อุด้ง, และโอเด้ง หรือในช่วงฤดูหนาว ก็จะนำไปย่างบนเตาถ่านรับประทานแบบร้อน ๆ คู่กับเบียร์ หรือสาเกญี่ปุ่น ก็อร่อยเข้ากัน
ต้นกำเนิดอันเก่าแก่ในยุคเฮอัน
ต้นกำเนิดของ Chikuwa นั้นค่อนข้างคลุมเครือ แต่เชื่อกันอย่างแพร่หลายว่าน่าจะถูกคิดค้นขึ้นใน ยุคสมัยเฮอัน (ค.ศ. 794-1185) เนื่องจากในช่วงเวลานี้ ปลาเป็นอาหารหลักของชาวญี่ปุ่น โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นสูง ซึ่งพวกเขามักจะนำปลามาแปรรูปทำเป็นอาหารประเภทคามาโบโกะ (Kamaboko) รวมถึง Chikuwa ด้วย
ความรุ่งเรืองในยุคเอโดะ และ Chikuwa ประจำภูมิภาค
ใน ยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603-1868) เป็นยุคที่อาหารญี่ปุ่นได้รับการพัฒนาอย่างมาก รวมถึง Chikuwa ด้วย โดยในยุคนี้ Chikuwa ได้กลายมาเป็น อาหารว่างริมทางยอดนิยม ซึ่งแต่ละภูมิภาคก็จะมีสูตรและลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป เช่น
- จังหวัด Tottori (ทตโตริ): จะมีการใส่เต้าหู้ญี่ปุ่นลงไปด้วย มีชื่อเรียกว่า Tofu Chikuwa (โทฟุ ชิคุวะ)
- จังหวัด Shimane (ชิมาเนะ): จะมี Chikuwa ที่ทำจากปลาอาโกะ (Ago fish) ซึ่งมักจะมีขนาดหนากว่า Chikuwa ทั่วไป และมีลักษณะเด่นคือมีรอยย่างทั่วทั้งชิ้น
- จังหวัด Aomori (อาโอโมริ): จะมี Chikuwa ที่เรียกว่า Botan Chikuwa (โบตัน ชิคุวะ) ซึ่งจะผลิตโดยวิธีพิเศษ ทำให้ลวดลายของ Chikuwa มีลักษณะคล้ายกับกลีบดอกโบตั๋น
- จังหวัด Tokushima (โทคุชิมะ): Chikuwa มักจะถูกเสิร์ฟบนไม้ไผ่แบบสั้น และขายโดยไม่ต้องถอดไม้ไผ่ออก เพื่อให้รับประทานได้สะดวก
พัฒนาการในยุคเมจิ และความหลากหลายในศตวรรษที่ 20
ยุคเมจิ (ค.ศ. 1868-1912) เป็นช่วงเวลาที่กระบวนการผลิต Chikuwa ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด บริษัทอาหารหลายแห่งเริ่มผลิต Chikuwa สำเร็จรูป ขายในเชิงพาณิชย์ อีกทั้งยังปรับปรุงวิธีการผลิตโดยหันมาใช้ โลหะและเครื่องจักรแทนไม้ไผ่แบบดั้งเดิม ด้วย สิ่งนี้ทำให้ Chikuwa สามารถผลิตได้ในปริมาณมากขึ้น รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอ
ในศตวรรษที่ 20 Chikuwa เริ่มถูกนำมารับประทานในหลากหลายรูปแบบ และมีการสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ มากขึ้น เช่น การนำมาสอดไส้ด้วยชีส, ผัก, และอาหารทะเลชนิดอื่น ๆ ทำให้มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังพัฒนาให้มีรูปทรงอื่น ๆ ตามมาด้วย รวมถึงผู้ผลิตบางรายยังหันมาใช้เนื้อปลาหลากหลายชนิด เพื่อตอบสนองความชอบที่หลากหลายของผู้บริโภค
Chikuwa ในปัจจุบัน: อาหารประจำชาติที่เข้าถึงได้ทั่วโลก
ปัจจุบัน Chikuwa กลายเป็นหนึ่งใน อาหารประจำชาติของญี่ปุ่น และได้รับความนิยมไปทั่วโลก ซึ่งสามารถนำไปรับประทานได้หลากหลายรูปแบบ เช่น:
- หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ จิ้มกับโชยุ หรือมายองเนส
- นำไปผัดกับผักต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติและโปรตีน
- นำไปชุบแป้งทอดทำ เทมปุระ (Tempura)
- นำไปใส่ในอาหารตุ๋น เช่น โอเด้ง (Oden) หรือ ทงจิรุ (Tonjiru - ซุปมิโสะใส่หมูและผัก)
คุณสามารถหาซื้อ Chikuwa คุณภาพดีได้ที่ริมปิงทุกสาขา เพื่อนำไปสร้างสรรค์เมนูอร่อยสไตล์ญี่ปุ่นที่บ้านได้เลยนะคะ!