Super Tuscan Wine (ซูเปอร์ทัสกันไวน์)
คำว่า Super Tuscan (ซูเปอร์ทัสกัน) หมายถึงไวน์แดงประเภทหนึ่งจากแคว้น ทัสคานี (Tuscany) ประเทศอิตาลี ที่ฉีกแนวจากบรรทัดฐานการผลิตไวน์แบบดั้งเดิมของอิตาลี เพื่อผลิตไวน์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และมีคุณภาพสูง โดยไวน์เหล่านี้ได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติ และมีอิทธิพลอย่างมากต่ออุตสาหกรรมไวน์ของอิตาลี วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องราวของไวน์กบฏที่กลายเป็นตำนานนี้กันค่ะ
จุดกำเนิด : ความไม่พอใจต่อกฎ DOC (ทศวรรษ 1970)
เรื่องราวของ Super Tuscan Wine มีประวัติย้อนกลับไปหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในช่วง ทศวรรษที่ 1970 เมื่อผู้ผลิตไวน์ในอิตาลีจำนวนมากรู้สึกหงุดหงิดกับข้อจำกัดที่เข้มงวดมากเกินไปของ DOC (Denominazione di Origine Controllata) ที่ตั้งกฎเอาไว้ว่าผู้ผลิตไวน์ในอิตาลีจะต้องใช้องุ่นสายพันธุ์ดั้งเดิมของอิตาลีเท่านั้นในการผลิตไวน์ เพื่อรักษาเอกลักษณ์ของไวน์อิตาลีเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตาม กฎที่เข้มงวดเหล่านี้กลับขัดขวางนวัตกรรม และการทดลองทำสิ่งใหม่ๆ ของผู้ผลิตไวน์ในอิตาลีจำนวนมาก
ด้วยเหตุนี้ผู้ผลิตไวน์ในทัสคานีจึงทดลองปลูกองุ่นพันธุ์ต่างประเทศที่ไม่ใช่พันธุ์ดั้งเดิมของอิตาลีอย่าง Merlot (แมร์โล), Cabernet Sauvignon (กาแบร์เนต์ โซวีญง) และ Syrah (ซีราห์) องุ่นพันธุ์ฝรั่งเศส เพื่อใช้ในการผลิตไวน์ แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไวน์เหล่านี้ไม่ได้อยู่ภายใต้กฎระเบียบของ DOC ดังนั้นจึงถูกจัดให้อยู่ในประเภท Vino da Tavola (ไวน์ดา ทาโวล่า) ซึ่งเป็นประเภทที่มีคุณภาพต่ำที่สุด หรือเป็นเพียงแค่เทเบิ้ลไวน์ธรรมดาเท่านั้น
ผู้บุกเบิกและไวน์แห่งการปฏิวัติ: Sassicaia และ Tignanello
ในช่วงแรกไวน์ประเภทนี้ยังไม่ได้รับความนิยม และยังคงไม่ถูกเรียกว่า Super Tuscan จนกระทั่งในปี 1968 Mario Incisa della Rocchetta (มาริโอ อินชีซา เดลลา รอคเคตต้า) เจ้าของไร่องุ่น Tenuta San Guido ในหมู่บ้าน Bolgheri หนึ่งในผู้บุกเบิกการผลิตไวน์ Super Tuscan ได้เปิดตัวไวน์ Sassicaia (ซาสสิไคอา) ที่ผลิตจากองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon และ Cabernet Franc บ่มในถังไม้โอ๊คของฝรั่งเศสเป็นไวน์สไตล์ Bordeaux ขวดแรกขึ้นมา
เดิมที Rocchetta แอบผลิตไวน์ Sassicaia มาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1940 เพื่อบริโภคเป็นการส่วนตัว แต่ในปี 1968 เขาก็เริ่มขายไวน์ชนิดนี้ในเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรก เพื่อต่อต้านข้อบังคับของ DOC
หลังจากเปิดตัวไวน์ Sassicaia ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในทัสคานี สิ่งนี้ทำให้ผู้ผลิตไวน์ในทัสคานีรายอื่นๆ เริ่มผลิตไวน์ที่ไม่สอดคล้องกับกฎระเบียบของ DOC กันมากขึ้น (ปัจจุบันไวน์ชนิดนี้คือหนึ่งในไวน์ระดับพรีเมียมที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลก)
ในปี 1971 Marchese Piero Antinori (มาร์เคเซ ปิเอโร อันตินอรี) ผู้ผลิตไวน์ในทัสคานีอีกรายก็เปิดตัว Tignanello (ตินยาเนลโล) ไวน์ที่ผสมผสานระหว่างองุ่นสายพันธุ์ดั้งเดิมของอิตาลีอย่าง Sangiovese (ซานโจเวเซ) เข้ากับองุ่นสายพันธุ์ฝรั่งเศสอย่าง Cabernet Sauvignon และ Cabernet Franc บ่มในถังไม้โอ๊คฝรั่งเศส ไวน์ชนิดนี้ผลิตใน Chianti (เคียนติ) ภูมิภาคทางตอนกลางของทัสคานี โดยกฎของที่นี่คือ ไวน์ที่ติดฉลากว่าเป็น Chianti DOC จะต้องผลิตจากองุ่น Sangiovese อย่างน้อย 70 % และที่เหลือทำจากองุ่น Canaiolo (คานาโยโล) และ Malvasia (มัลวาเซีย) ที่ปลูกในพื้นที่ ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกของภูมิภาคนี้ที่มีการแหกกฎ และไวน์ชนิดนี้ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นกัน
กบฏสู่การยอมรับระดับโลก และชื่อ Super Tuscan (ค.ศ. 1978 - ปัจจุบัน)
ในปี 1978 ไวน์ Super Tuscan ก็ได้รับเสียงชื่นชมในระดับนานาชาติ เมื่อไวน์ Sassicaia สามารถเอาชนะไวน์ชั้นเลิศจากบอร์กโดซ์ (Bordeaux) ได้ จากการชิมไวน์แบบ Blind Tasting ที่กรุงปารีส ซึ่งมีไวน์เข้าร่วมแข่งขันมากถึง 30 ชนิด ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ Super Tuscan กลายเป็นจุดสนใจไปทั่วโลก
หลังจากนั้นเป็นต้นมาไวน์ Super Tuscan ก็ประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และกล่าวกันว่าที่นั่นเองที่ไวน์เหล่านี้ได้รับการขนานนามว่า Super Tuscan ซึ่งเชื่อกันว่าคำนี้ถูกคิดขึ้นโดย Robert Parker (โรเบิร์ต พาร์กเกอร์) นักวิจารณ์ไวน์ชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่ตระหนักถึงคุณภาพของไวน์ใหม่เหล่านี้
ครั้งหนึ่งนักวิจารณ์ไวน์ Robert Parker ได้ให้คะแนนไวน์ Sassacaia ปี 1985 ด้วยคะแนน 100 คะแนน และกล่าวว่า ไวน์นี้เป็นไวน์ที่น่าประทับใจที่สุดที่ผมเคยพบมาในอาชีพการทำงานตลอด 37 ปี
ความสำเร็จของ Super Tuscan ส่งผลให้รัฐบาลอิตาลีกำหนดการจำแนกคุณภาพไวน์ใหม่ขึ้นมาในปี 1992 โดยจัดให้ Super Tuscan เป็นไวน์ประเภท Indicazione Geografica Tipica (IGT) (การบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ทั่วไป) ซึ่งเป็นประเภทที่เน้นแหล่งกำเนิดของไวน์มากกว่า แทนที่จะเป็นลักษณะ และสายพันธุ์องุ่น แต่ทั้งนี้ประเภท IGT จะมีลำดับสูงกว่า Vino da Tavola แต่ต่ำกว่าประเภท DOC และ DOCG
การจัดประเภทใหม่นี้ทำให้การผลิตไวน์ในอิตาลีมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในแง่ของพันธุ์องุ่น และวิธีการผลิต โดยไวน์สามารถผลิตได้จากองุ่นหลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงสามารถผลิตได้ในหลายภูมิภาคทั่วอิตาลี ไม่ใช่แค่ทัสคานี และเวลาตั้งชื่อส่วนใหญ่ก็จะตั้งตามภูมิภาค หรือเมืองที่ผลิต
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา Super Tuscan ยังคงได้รับการยกย่องในด้านนวัตกรรม และคุณภาพ ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่ออุตสาหกรรมไวน์ระดับโลก เนื่องจากไวน์เหล่านี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ผลิตไวน์ทั่วโลกทดลองใช้ส่วนผสม และเทคนิคใหม่ๆ เพื่อขยายขอบเขตการผลิตไวน์
นอกจากนี้ความสำเร็จของไวน์ Super Tuscan ยังช่วยยกระดับชื่อเสียงของไวน์อิตาลีบนเวทีระดับโลกด้วย ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าอิตาลีสามารถผลิตไวน์ระดับโลกที่เทียบเคียงกับไวน์ของฝรั่งเศส และประเทศผู้ผลิตไวน์ชั้นนำอื่นๆ ได้
ทุกวันนี้ Super Tuscan ยังคงเป็นไวน์ที่เป็นที่ต้องการ และได้รับการยกย่องอย่างสูงที่สุดในโลก โดยมักจะมีราคาสูง และได้รับคะแนนสูงสุดจากนักวิจารณ์อยู่เสมอ