แชร์

Pilsner (พิลส์เนอร์)

Pilsner (พิลส์เนอร์) เป็นเบียร์ลาเกอร์สีทองอำพัน สดชื่น ดื่มง่าย มีต้นกำเนิดมาจากเมือง Plzeň (พิลเซน) ในสาธารณรัฐเช็ก โด่งดังไปทั่วโลกด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของฮ็อป และฟองที่ละเอียด วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องราวของเบียร์ระดับโลกนี้กันค่ะ

จุดเริ่มต้นในเมือง Plzeň: ปัญหาคุณภาพที่นำมาซึ่งนวัตกรรม (ศตวรรษที่ 14 - 1839)

เรื่องราวของเบียร์ Pilsner เริ่มต้นขึ้นที่เมือง Plzeň (พิลเซน) เมืองทางตะวันตกของโบฮีเมีย ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐเช็ก เมือง Plzeň ได้รับสิทธิ์ในการผลิตเบียร์อย่างเป็นทางการในปี 1307 แต่อย่างไรก็ตามเบียร์ของที่นี่มักจะมีคุณภาพไม่สม่ำเสมอ ผู้ผลิตเบียร์มักถูกตำหนิเกี่ยวกับรสชาติ เนื่องจากการผลิตเบียร์ของที่นี่จะใช้เทคนิคที่เรียกว่า Top-Fermenting (การหมักแบบลอยผิว) ซึ่งวิธีการนี้มีการควบคุมคุณภาพยาก ต้องใช้อุณหภูมิที่สูง จึงทำให้เบียร์เน่าเสียได้ง่าย อีกทั้งยังมีรสชาติ และกลิ่นที่ไม่เสถียรอีกด้วย

เพื่อตอบสนองต่อคำร้องเรียนจำนวนมาก ผู้ผลิตเบียร์ในเมือง Plzeň จึงตัดสินใจเทเบียร์คุณภาพต่ำจำนวน 36 บาร์เรลทิ้ง และเริ่มต้นก่อตั้งโรงเบียร์ขึ้นมาใหม่ในปี 1839 ชื่อว่า Měšťanský pivovar (โรงเบียร์ของพลเมือง ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Pilsner Urquell) เพื่อปฏิวัติกระบวนการผลิตเบียร์ใหม่

การถือกำเนิดของ Pilsner โดย Josef Groll (ค.ศ. 1842)

หลังก่อตั้งโรงเบียร์ พวกเขาก็ว่าจ้าง Josef Groll (โจเซฟ กรอลล์) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเบียร์ลาเกอร์ชาวบาวาเรียมาช่วยพัฒนาเบียร์ของพวกเขา Josef นำเทคนิคที่เรียกว่า Bottom-Fermenting (การหมักแบบนอนก้น) ที่ใช้ในบาวาเรียมาใช้ด้วย โดยวิธีการนี้สามารถควบคุมคุณภาพได้ง่าย โดยใช้อุณหภูมิที่ต่ำลง แต่จะใช้เวลานานกว่า ซึ่งเบียร์ที่ได้จะมีรสชาติสดชื่น และมีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานกว่า

Josef นำ มอลต์ข้าวบาร์เลย์สีซีด ซึ่งเป็นพัฒนาการใหม่ในการผลิตเบียร์ในสมัยนั้นมาใช้ โดยมอลต์ชนิดนี้ทำให้เบียร์มีสีอ่อนกว่าเบียร์เอล และอ่อนกว่าเบียร์ลาเกอร์สีเข้มทั่วไป อีกทั้งเขายังนำ ฮ็อปสายพันธุ์ Saaz (ซาซ) ที่ขึ้นชื่อเรื่องกลิ่นที่ละเอียดอ่อน และมีรสขมเป็นเอกลักษณ์จากเมือง Žatec (ชาเท็ตส์) ที่อยู่ใกล้เคียงมาใช้ด้วย สิ่งนี้ส่งผลทำให้เบียร์มีเหลืองอำพัน มีรสชาติสดชื่น และหอมกลิ่นฮ็อปอ่อนๆ

ในวันที่ 5 ตุลาคม ปี 1842 Josef ก็ได้เปิดตัวเบียร์ชนิดใหม่ที่ผลิตล็อตแรกขึ้นมาตั้งชื่อว่า Pilsner ตามชื่อแหล่งกำเนิด ซึ่งก็ประสบความสำเร็จในทันที เบียร์ชนิดนี้มีรสชาติ และสีที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากเบียร์ชนิดอื่นที่ผู้คนเคยเห็นมาก่อน

Pilsner สู่ตลาดโลกและการปรับตัวตามภูมิภาค (ต้นศตวรรษที่ 19 - ปัจจุบัน)

ความนิยมของเบียร์ Pilsner แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 โรงเบียร์ทั่วทั้งยุโรป เริ่มนำเทคนิคการผลิตเบียร์นี้มาใช้ ดังนั้นจึงมีการผลิตกันอย่างแพร่หลาย อีกทั้งในช่วงเวลานี้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยียังมีการนำ ระบบการทำความเย็น มาใช้ด้วย สิ่งนี้ทำให้การผลิต และการจัดจำหน่ายเบียร์ Pilsner เป็นไปได้สะดวกยิ่งขึ้น

ในเยอรมนี ผู้ผลิตเบียร์ได้นำเอาเทคนิคการผลิตเบียร์ Pilsner มาใช้ และดัดแปลง จนนำไปสู่การสร้างสรรค์เบียร์ Pilsner สไตล์เยอรมัน (German Pilsner) ขึ้นมา ซึ่งจะมีรสขม และ Dry กว่าเบียร์สไตล์เช็กเล็กน้อย แต่ยังคงลักษณะเฉพาะที่สำคัญของเบียร์ Pilsner เอาไว้ นอกจากนี้เบียร์สไตล์นี้ยังแพร่หลายไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาเบียร์ลาเกอร์สไตล์อเมริกัน

เบียร์ Pilsner ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดศตวรรษที่ 20 และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การผลิตเบียร์ในเชิงอุตสาหกรรมก็มีเพิ่มมากขึ้น บริษัทผลิตเบียร์รายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เช่น Anheuser-Busch ก็เริ่มผลิตเบียร์ Pilsner ตามสไตล์ของตัวเองจำหน่าย

ปัจจุบัน Pilsner ยังคงเป็นเบียร์ประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งแบบดั้งเดิมยังคงผลิตในเมือง Plzeň โดยใช้วิธีการ และส่วนผสมแบบดั้งเดิม นอกจากนี้เบียร์ Pilsner ยังได้ขยายออกเป็นประเภทย่อยๆ หลายประเภทอีกด้วย เช่น เบียร์พิลส์เนอร์เช็ก (Czech Pilsner) หรือเรียกอีกอย่างว่า เบียร์พิลส์เนอร์โบฮีเมียน (Bohemian Pilsner), เบียร์พิลส์เนอร์เยอรมัน (German Pilsner) และเบียร์พิลส์เนอร์อเมริกัน (American Pilsner)

Pilsner แต่ละประเภทย่อยเหล่านี้จะมีลักษณะเฉพาะเป็นของตัวเอง แต่ทั้งหมดนี้จะมีหลักการพื้นฐานเดียวกันที่ Josef Groll ได้กำหนดไว้ในปี 1842 คือ เบียร์ต้องมีลักษณะใสซีด มีรสชาติสดชื่น และมีกลิ่นฮ็อปที่โดดเด่น


บทความที่เกี่ยวข้อง
Wheat Beer (วีทเบียร์)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ความเป็นมาของ Wheat Beer (วีทเบียร์)
Jägermeister (เยเกอร์ไมสเตอร์)
ทำความรู้จัก Jägermeister (เยเกอร์ไมสเตอร์) ลิเคียวสมุนไพรจากประเทศเยอรมนี และตำนานของ Saint Hubertus อันเป็นที่มาของชื่อแบรนด์และตราสัญลักษณ์รูปกวางและไม้กางเขน
Southern Comfort (เซาเทิร์น คอมฟอร์ท)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Southern Comfort (เซาเทิร์น คอมฟอร์ท) วิสกี้รสนุ่มนวลเคล้ากลิ่นผลไม้จากเมืองนิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ