Digestivo (ดีเจสทิโว่)
จากบทความก่อนหน้าที่เราพูดถึง Aperitivo (อะเพริทิโว่) วัฒนธรรมการดื่มเรียกน้ำย่อยก่อนมื้ออาหารของชาวอิตาลีไปแล้ว ในบทความนี้เรามาต่อกันที่ Digestivo (ดีเจสทิโว่) วัฒนธรรมการดื่มหลังมื้ออาหารเพื่อช่วยในการย่อยอาหารกันค่ะ
Digestivo คืออะไร และจุดเริ่มต้นในอารยธรรมโบราณ
Digestivo เป็นคำที่มาจากคำว่า Digestif แปลว่า "ย่อยอาหาร" ในภาษาอิตาลี วัฒนธรรมนี้เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน ว่ากันว่าน่าจะเกิดขึ้นมาพร้อมๆ กันกับวัฒนธรรม Aperitivo ตั้งแต่สมัยโบราณ แต่แตกต่างกันคือ Digestivo จะเป็นวัฒนธรรมที่ดื่มหลังมื้ออาหารเพื่อช่วยในการย่อย ซึ่งจะดื่มกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นประมาณ 1-2 แก้ว
เรื่องราวของ Digestivo ตำนานเล่าว่าได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยอารยธรรมโบราณใน อียิปต์ กรีซ และโรมัน ว่ากันว่าคนในยุคนั้นมักจะผสมสมุนไพรเข้ากับสุราทำเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยในการย่อยอาหารและบรรเทาอาการเจ็บป่วยต่างๆ เนื่องจากเชื่อกันว่า รสขมมีคุณสมบัติช่วยในการย่อยอาหาร
การฟื้นตัวในยุคกลางและการพัฒนาในยุคเรอเนซองส์
ในช่วง ยุคกลางของยุโรป วัฒนธรรม Digestivo ในรูปแบบใหม่ได้รับความนิยมในอิตาลี ซึ่งว่ากันว่าน่าจะเกิดขึ้นก่อนวัฒนธรรม Aperitivo โดยชาวอิตาลีจะนิยมดื่มเครื่องดื่มรสขมทั้งกาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังมื้อค่ำ เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร
ต่อมาใน ยุคเรอเนซองส์ ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก เหล่าเภสัชกรเริ่มกลายมาเป็นนักกลั่นสุรา ทดลองนำสมุนไพร เครื่องเทศ และพฤกษศาสตร์ชนิดใหม่ๆ มาปรับใช้ทำเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยในการย่อยอาหาร จนเกิดเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลาย เช่น ในอิตาลีเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยม คือ Limoncello (ลิมอนเชลโล), Sambuca (ซัมบูก้า), Grappa (กราปป้า), Amaro Averna (อะมาโร อเวร์นา) และ Fernet-Branca (แฟร์เนต์-บรานคา)
Digestivo ในยุโรป: ความหลากหลายทางวัฒนธรรม
นอกจากอิตาลีแล้ว ประเทศอื่นๆ ในแถบยุโรปก็มีวัฒนธรรมการดื่มหลังมื้ออาหารเพื่อช่วยในการย่อยด้วยเช่นกัน เช่น
- ในฝรั่งเศสจะนิยมดื่ม Chartreuse (ชาร์ทรูส) และ Armagnac (อาร์มาญัค)
- ในสเปนจะนิยมดื่มบรั่นดีหลังมื้ออาหาร เรียกว่า Chupito (ชูปิโต้)
- ในกรีซจะนิยมดื่มเครื่องดื่มที่เรียกว่า Ouzo (อูโซ่) รสโป๊ยกั๊กหลังมื้ออาหาร
การแพร่หลายและวิวัฒนาการในศตวรรษที่ 19 และ 21
ในช่วง ศตวรรษที่ 19 ความนิยมของ Digestivo ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานทางสังคม ซึ่งนำไปสู่การแพร่หลายของเครื่องดื่มรูปแบบต่างๆ บาร์เทนเดอร์เริ่มนำเครื่องดื่มที่ช่วยในการย่อยอาหารมาเป็นส่วนผสมในการทำค็อกเทล เช่น Negroni (เนโกรนี) และ Sazeracs (เซเซอร์แรค)