แชร์

Wheat Beer (วีทเบียร์)

Wheat Beer (วีทเบียร์) คือเบียร์ที่ใช้สัดส่วนของ ข้าวสาลี มากกว่ามอลต์ในขั้นตอนการหมัก โดยทั่วไปเบียร์ชนิดนี้จะไม่ค่อยขม เน้นการดื่มง่าย แต่ด้วยส่วนผสมหลักจากข้าวสาลี ทำให้มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูง และมีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 4 ถึง 6 เปอร์เซ็นต์ วันนี้ Rimping Supermarket จะพาทุกท่านไปสำรวจเส้นทางประวัติศาสตร์ของเบียร์ข้าวสาลีอันเป็นที่นิยมนี้กันค่ะ

จุดเริ่มต้นในอารยธรรมโบราณและยุคกลาง

ต้นกำเนิดของ Wheat Beer มีประวัติย้อนกลับไปถึงอารยธรรมโบราณ เชื่อกันว่าในอดีต ชาวเมโสโปเตเมียและชาวอียิปต์ เป็นผู้ริเริ่มการผลิตเบียร์ที่ทำจากข้าวสาลี เนื่องจากในบางฤดูกาลข้าวบาร์เลย์ยังไม่พร้อมสำหรับการผลิตเบียร์ อย่างไรก็ตาม ในยุคโบราณ รสชาติและความสม่ำเสมอของ Wheat Beer ยังคงไม่เหมือนกับที่เรารู้จักในปัจจุบัน

ต่อมาในช่วง ยุคกลางของยุโรป ประมาณศตวรรษที่ 14 Wheat Beer ก็เริ่มได้รับความนิยมไปทั่วยุโรป โดยเฉพาะใน รัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ที่มีการผลิต Wheat Beer ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากเรียกว่า Weissbier (ไวซ์เบียร์) ผลิตจากมอลต์ข้าวสาลีอย่างน้อย 55% ผสมกับมอลต์ข้าวบาร์เลย์ มีลักษณะโดดเด่นคือเหลืองทองอ่อนไปจนถึงสีส้มขุ่น จัดเป็นเบียร์ประเภทบางเบา และมีกลิ่นหอมคล้ายกล้วยและกานพลู

กฎหมาย Reinheitsgebot และการฟื้นฟูในบาวาเรีย

ในช่วงเวลานี้มีกฎหมายฉบับหนึ่งได้รับการจัดตั้งขึ้นในปี 1516 นั่นก็คือ Reinheitsgebot (ไรน์ไฮต์สเกอบอต) หรือกฎหมายความบริสุทธิ์ของเบียร์เยอรมนี ซึ่งในตอนแรกกฎหมายนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมส่วนผสมที่ใช้ในการผลิตเบียร์ โดยกฎหมายกำหนดว่าต้องใช้น้ำ ข้าวบาร์เลย์ และฮ็อพเท่านั้นในการผลิตเบียร์ ดังนั้นกฎหมายนี้จึงส่งผลกระทบอย่างมากต่อการผลิต Wheat Beer ในเยอรมนี

แต่อย่างไรก็ตามในช่วงปี 1602 ดยุคแม็กซิมิเลียนที่ 1 แห่งบาวาเรีย เผชิญกับวิกฤตข้าวสาลีล้นตลาดและยอดขายเบียร์ที่ลดลง จึงได้ออกพระราชกฤษฎีกาอนุญาตให้โรงเบียร์ที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้นสามารถผลิต Wheat Beer ที่ทำจากข้าวสาลีได้ ซึ่งการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นการผลิต Wheat Beer เท่านั้น แต่ยังรับประกันการควบคุมคุณภาพอีกด้วย ดังนั้นนี่จึงเป็นการวางรากฐานสำหรับการผลิต Wheat Beer ในเยอรมนีเชิงพาณิชย์มาจนถึงปัจจุบัน

การแพร่หลายและความท้าทายในศตวรรษที่ 19-20

ต่อมาใน ศตวรรษที่ 16 Wheat Beer ก็เริ่มได้รับความนิยมในพื้นที่อื่นๆ เช่นในเบลเยียมจะมี Wheat Beer ที่เรียกว่า Witbier (วิทเบียร์) มีเอกลักษณ์โดดเด่นคือมีสีเหลืองอ่อนและขุ่น มีกลิ่นของผักชีและเปลือกส้ม รสชาติหวานอมเปรี้ยว มีรสขมเล็กน้อย

แม้ความนิยมจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่อื่นๆ แต่ในช่วง ศตวรรษที่ 19 Wheat Beer ในเยอรมนีก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในอุตสาหกรรมการผลิตเบียร์ เนื่องจากการเพิ่มความนิยมของ เบียร์ลาเกอร์ (Lager) ซึ่งเป็นเบียร์เยอรมันอีกรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นเมื่อถึงช่วงเปลี่ยน ศตวรรษที่ 20 Wheat Beer จึงกลายเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่ม

การฟื้นคืนชีพและความหลากหลายในปัจจุบัน

ในช่วง ปลายศตวรรษที่ 20 ความสนใจใน Wheat Beer ก็กลับมาอีกครั้งทั้งในเยอรมนีและพื้นที่อื่นๆ โรงคราฟต์เบียร์หลายแห่งเริ่มผลิต Wheat Beer ตามแต่การสร้างสรรค์ของตนเอง และแนะนำให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จัก ไม่เพียงเท่านี้ ผู้ผลิตเบียร์ชาวบาวาเรียเองก็ยังพัฒนา Wheat Beer ชนิดใหม่ขึ้นมาด้วย เรียกว่า Hefeweizen (เฮเฟอไวเซน) ซึ่งเป็น Wheat Beer ที่ไม่ผ่านการกรอง มีสีเหลืองทอง รสชาตินุ่มนวล กลิ่นหอมคล้ายกล้วย กานพลู และวานิลลา

ปัจจุบัน Wheat Beer ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับนานาชาติ โดยผู้ผลิตเบียร์ยังคงทดลองใช้ส่วนผสมและเทคนิคใหม่ๆ เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดแบบดั้งเดิม ดังนั้นทุกวันนี้ Wheat Beer จึงมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกบริโภคกัน


บทความที่เกี่ยวข้อง
Jägermeister (เยเกอร์ไมสเตอร์)
ทำความรู้จัก Jägermeister (เยเกอร์ไมสเตอร์) ลิเคียวสมุนไพรจากประเทศเยอรมนี และตำนานของ Saint Hubertus อันเป็นที่มาของชื่อแบรนด์และตราสัญลักษณ์รูปกวางและไม้กางเขน
Southern Comfort (เซาเทิร์น คอมฟอร์ท)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Southern Comfort (เซาเทิร์น คอมฟอร์ท) วิสกี้รสนุ่มนวลเคล้ากลิ่นผลไม้จากเมืองนิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา
Bénédictine (เบนเนดิกทีน)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Bénédictine (เบนเนดิกทีน) ลิเคียวสมุนไพรจากประเทศฝรั่งเศส ที่มีอายุยาวนานกว่า 500 ปี
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ