แชร์

Marsala (มาร์ซาลา)

จุดเริ่มต้นของ Fortified Wine จากอิตาลี

Marsala (มาร์ซาลา) คือไวน์หวานประเภท Fortified Wine ที่มีต้นกำเนิดจากเมืองมาร์ซาลา บนเกาะซิซิลี ประเทศอิตาลี จุดเด่นของไวน์ชนิดนี้คือรสชาติเข้มข้น กลิ่นหอมหวานซับซ้อน และแอลกอฮอล์สูง นิยมดื่มเป็นของหวานหรือใช้ในการปรุงอาหาร

การค้นพบโดยพ่อค้าชาวอังกฤษ

เรื่องราวของ Marsala เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1773 เมื่อ John Woodhouse พ่อค้าชาวอังกฤษเดินทางมายังซิซิลี และได้ลิ้มรสไวน์ท้องถิ่นที่ชื่อว่า Vino Perpetuo เขาหลงใหลในรสชาติ และต้องการนำไวน์กลับไปยังอังกฤษ ด้วยความจำเป็นต้องป้องกันไวน์เน่าเสียระหว่างเดินทาง เขาจึงเติมบรั่นดีลงไปเพื่อเพิ่มแอลกอฮอล์ กลายเป็น Fortified Wine ที่เรียกว่า Marsala

ความสำเร็จในตลาดอังกฤษ

John นำไวน์ Marsala กลับไปยังอังกฤษ และได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากตลาดอังกฤษในยุคนั้นนิยมไวน์ประเภท Fortified อย่าง Sherry และ Port อยู่แล้ว ความสำเร็จนี้ทำให้เขากลับมาที่มาร์ซาลาอีกครั้งเพื่อก่อตั้งโรงบ่มไวน์อย่างจริงจัง และผลิตในปริมาณมากเพื่อส่งออก

ผู้ประกอบการรายอื่น และการขยายสู่ตลาดโลก

หลังจาก John ประสบความสำเร็จ ผู้ประกอบการชาวอังกฤษคนอื่น เช่น Benjamin Ingham ก็เข้ามาดำเนินธุรกิจในพื้นที่ และขยายตลาดไปยังอเมริกาเหนือและใต้ ในขณะที่ Vincenzo Florio ชาวซิซิลีได้ยกระดับไวน์ Marsala ให้มีความหลากหลาย และกลายเป็นแบรนด์ชั้นนำในยุโรป

ระบบบ่ม In Perpetuum และเอกลักษณ์เฉพาะ

Marsala ใช้วิธีการบ่มแบบ In Perpetuum คล้ายกับระบบ Solera ของ Sherry ในสเปน โดยบ่มในถังไม้โอ๊คแบบผสมผสานไวน์เก่าและใหม่ ซึ่งให้รสชาติที่กลมกล่อม ลุ่มลึก และซับซ้อน

การรับรองคุณภาพ: DOC และ PDO

ในปี 1969 รัฐบาลอิตาลีได้ให้สถานะ DOC แก่ไวน์ Marsala เพื่อรับรองกระบวนการผลิตและพันธุ์องุ่น ในเวลาต่อมา สหภาพยุโรปยังได้มอบสถานะ PDO เพิ่มเติม เพื่อปกป้องชื่อเสียงและคุณภาพไวน์ในระดับนานาชาติ

สไตล์และประเภทของไวน์ Marsala

ไวน์ Marsala มีความหลากหลายทั้งในด้านสี (Ambra, Oro, Rubino), ความหวาน (Secco, Semisecco, Dolce) และระยะเวลาการบ่ม เช่น:

  • Fine บ่มอย่างน้อย 1 ปี
  • Superiore บ่มอย่างน้อย 2 ปี
  • Superiore Riserva 4 ปี
  • Vergine 5 ปี
  • Vergine Stravecchio 10 ปีขึ้นไป

ความนิยมทั้งในห้องอาหารและครัว

Marsala เป็นไวน์ที่นิยมทั้งในรูปแบบไวน์ดื่ม และไวน์ปรุงอาหาร โดยไวน์แห้งนิยมใช้ในอาหารคาว เช่น ซอส Marsala สำหรับเนื้อสัตว์ ส่วนไวน์หวานใช้จับคู่กับของหวานหรือชีสอย่างลงตัว


บทความที่เกี่ยวข้อง
Weihenstephaner (ไวเฮนชะเตฟาเนอร์)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Weihenstephaner (ไวเฮนชะเตฟาเนอร์) โรงเบียร์เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
Rothschild (รอธไชลด์)
Rothschild : ตำนานตระกูลขุนนางแห่งโลกไวน์ จากการเงินสู่ความเป็นเลิศใน Bordeaux
Ornellaia (ออร์เนลลาญ่า)
Ornellaia : ตำนานไวน์ Super Tuscan แห่งแคว้นทัสคานี กับรสชาติระดับโลก
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ