Penfolds (เพนโฟลด์)
ในโลกของไวน์ ไม่มีชื่อใดจะทรงอิทธิพลและได้รับการยอมรับเท่า Penfolds (เพนโฟลด์) ผู้ผลิตไวน์รายใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในออสเตรเลีย ก่อตั้งขึ้นในปี 1844 (ประมาณ 180 ปีที่ผ่านมา) โดยครอบครัว Penfolds ชาวอังกฤษที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในเมืองแอดิเลด รัฐเซาท์ออสเตรเลีย การเดินทางของ Penfolds ไม่ใช่แค่เรื่องของการผลิตไวน์ แต่เป็นตำนานแห่งความมุ่งมั่น นวัตกรรม และการสร้างสรรค์ที่เปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ไวน์โลก
จุดเริ่มต้นของ Penfolds : จากแพทย์สู่ผู้บุกเบิกไวน์
8 ปีหลังจากการค้นพบทวีปออสเตรเลีย Christopher Rawson Penfold แพทย์ชาวอังกฤษ และ Mary ภรรยาของเขา ได้ย้ายถิ่นฐานจากอังกฤษเข้ามาอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย และซื้อที่ดิน 500 เอเคอร์ (ประมาณ 1,265 ไร่) ใกล้กับเมืองแอดิเลด รัฐเซาท์ออสเตรเลีย เพื่อตั้งถิ่นฐาน
เมื่อย้ายมาอยู่ที่นี่ Christopher และภรรยาเริ่มหันมาสนใจเกี่ยวกับการผลิตไวน์ โดยพวกเขาเคยศึกษาเรื่องการผลิตไวน์มาก่อน ด้วยเหตุนี้จึงนำความรู้เกี่ยวกับการผลิตไวน์มาใช้ และเริ่มต้นจากการปลูกองุ่นสายพันธุ์ฝรั่งเศสที่นำติดตัวมาด้วยในไร่ของพวกเขาที่ชื่อว่า Magill Estate
ในช่วงที่เริ่มผลิตไวน์ Mary Penfold จะเป็นคนคอยดูแลไร่องุ่น และกระบวนการผลิตไวน์อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจาก Christopher ยังคงทำควบคู่ไปกับงานทางการแพทย์ โดยไวน์ประเภทแรกที่พวกเขาเริ่มผลิตคือ Fortified Wine (ไวน์หวานแอลกอฮอล์สูง) ในสไตล์ Sherry (เชอร์รี่) และ Port (พอร์ต)
เมื่อเวลาผ่านไปความต้องการไวน์มีเพิ่มมากขึ้น พวกเขาจึงขยายไร่ไวน์ และก่อตั้งบริษัทไวน์อย่างเป็นทางการในปี 1844 จากนั้นก็เริ่มผลิตไวน์ขาวจากองุ่นพันธุ์ Riesling (รีสลิ่ง) ซึ่งเป็นไวน์ที่กำลังได้รับความนิยมในออสเตรเลียในขณะนั้น และหลังจากเปิดตัวไวน์ Riesling ก็ทำให้ Penfolds ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
ยุคแห่ง Mary Penfold: พัฒนาคุณภาพสู่ผู้นำ
ในปี 1870 Christopher ได้เสียชีวิตลง ทำให้ Mary ภรรยาของเขาต้องดูแลกิจการเพียงลำพัง แต่ทั้งนี้เธอยังคงมุ่งมั่นในการผลิตไวน์คุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง เธอทดลองใช้องุ่นหลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงนำเทคนิคการผลิตไวน์ใหม่ ๆ มาใช้ สิ่งนี้ทำให้ Penfolds มีไวน์หลากหลายประเภทที่ได้รับชื่อเสียงด้านคุณภาพที่สม่ำเสมอ จนในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 Penfolds ก็กลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไวน์รายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย
จุดเปลี่ยนสู่ตำนาน: Penfolds Grange โดย Max Schubert
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 จุดเปลี่ยนสำคัญของ Penfolds ก็มาถึง เมื่อ Max Schubert (แม็กซ์ ชูเบิร์ต) ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตไวน์ได้เข้ามาทำงานร่วมกับ Penfolds ในตำแหน่ง Winemaker (ไวน์เมกเกอร์) คนแรกของบริษัท ซึ่งเขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะผลิตไวน์แดงคุณภาพสูงให้เทียบเคียงกับไวน์ฝรั่งเศส และได้รับการยอมรับในระดับโลก
ในปี 1951 Max ทดลองผลิตไวน์แดงที่มีรสชาติเข้มข้น และมีอายุยาวนานจากองุ่นสายพันธุ์ Shiraz (ชีราซ) 100% โดยได้แรงบันดาลใจจากเทคนิคการผลิตไวน์ของฝรั่งเศส เขาท้าทายความเชื่อแบบเดิมๆ ที่ว่าออสเตรเลียสามารถผลิตได้เฉพาะไวน์รสผลไม้เบาๆ เท่านั้น ด้วยการเปิดตัวไวน์ Penfolds Grange (Bin 95) ขึ้นมา ซึ่งไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์แดงที่มีรสชาติเข้มข้น ซับซ้อน มีกลิ่นหอมของผลไม้ เช่น บลูเบอร์รี แบล็กเคอร์แรนท์ รวมถึงสมุนไพรต่างๆ
โดย Max ตั้งชื่อไวน์ตัวนี้ว่า Grange ตามชื่อ Grange Cottage อันเป็นชื่อบ้านหลังแรกของ Christopher และ Mary สองผู้ก่อตั้ง Penfolds
ในช่วงแรก Penfolds Grange ยังไม่ได้รับความนิยมในออสเตรเลียเท่าที่ควร จนกระทั่งในปี 1960 ไวน์ชนิดนี้ก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นกลายเป็นไวน์ที่มีราคาแพงที่สุดในออสเตรเลีย และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ เป็นที่ต้องการอย่างมากในกลุ่มนักสะสมไวน์ทั่วโลก
ตำนาน Bin : รหัสลับแห่งคุณภาพ
เมื่อเวลาผ่านไป บริษัทก็ผลิตไวน์ Penfolds Grange ออกมาแทบจะทุกปี ซึ่งแต่ละปีก็เป็นที่ต้องการของนักสะสมไวน์ทั่วโลก โดยเฉพาะรุ่นแรกที่ผลิตปี 1951 เป็นรุ่นหายากที่เคยได้รับการประมูลในราคาแพงที่สุดด้วยราคา 103,555 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 2,397,588 บาท)
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมไวน์ Penfolds ถึงใช้คำว่า Bin แทนชื่อรุ่น เช่น Bin 1 และ Bin 4 ทั้งนี้เนื่องจาก Bin (ย่อมาจากคำว่า Batch Identification Number) หมายถึงสถานที่จัดเก็บ (BIN) ในห้องเก็บไวน์ของ Penfolds Magill Estate ส่วนหมายเลขที่ตามหลัง Bin จะเป็นเหมือนรหัสประจำตัวของไวน์แต่ละชนิด เพื่อให้ทีมผลิตไวน์สามารถระบุไวน์ตามประเภท และสไตล์ได้อย่างง่ายดาย เช่น Bin 1 คือ Penfolds Grange รุ่นแรกที่ผลิตในปี 1951 (ภายหลังได้เปลี่ยนเป็น Bin 95) และ Bin 4 คือไวน์ Penfolds Grange รุ่นปี 1952
ส่วน Bin 2 ที่หลายคนน่าจะเห็นกันบ่อย ๆ คือไวน์แดง Penfolds อีกชนิดหนึ่งที่ผลิตจากองุ่นพันธุ์ Shiraz และ Mataro ไม่ได้จัดอยู่ในประเภท Penfolds Grange ทั้งนี้เนื่องจากหมายเลข Bin ไม่ได้เรียงลำดับตามปีที่ผลิต และไม่ได้ใช้เฉพาะกับไวน์ Penfolds Grange เท่านั้น ดังนั้น Bin จึงไม่ใช่ชื่อไร่ หรือแหล่งผลิตไวน์ แต่เป็นเพียงรหัสที่ Penfolds ตั้งขึ้นมาตามระบบของตัวเอง ซึ่งไม่ได้มีหลักการตายตัวขึ้นอยู่กับผู้ผลิตเลยว่าต้องการใช้เลขอะไร
ความหลากหลายที่เหนือกว่า Grange และอนาคตที่ไม่หยุดนิ่ง
นอกเหนือจาก Grange แล้ว Penfolds ยังมีไวน์หลากหลายชนิดที่ได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติ ที่แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของไวน์ในออสเตรเลีย เช่น Bin 389 Cabernet Sauvignon, Bin 28 Shiraz, Bin 23 Pinot Noir, Bin 8 Shiraz Cabernet, Bin 98 Quantum Cabernet Sauvignon, Bin 149 Cabernet Sauvignon และ Bin 707 Cabernet Sauvignon (ที่หมายเลขรุ่นได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินโบอิ้ง 707 เครื่องบินโดยสารไอพ่นรุ่นแรกของสหรัฐลำแรกของโลก)
ตลอดช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 Penfolds ยังคงขยายตัว และสร้างสรรค์สิ่งใหม่เรื่อย ๆ บริษัทได้เข้าซื้อไร่องุ่นหลายแห่งทั่วออสเตรเลียใต้ รวมถึงในภูมิภาคต่าง ๆ เช่น Barossa Valley (บารอสซา วัลเลย์), McLaren Vale (แมคลาเรน วัลเลย์) และ Coonawarra (คูนาวารา) เพื่อขยายการผลิตไวน์
ก้าวเข้าสู่ช่วงศตวรรษที่ 21 แม้ว่าจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ แต่ Penfolds ก็ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่ ในปี 2012 Penfolds ได้เปิดตัวโปรเจกต์ที่ล้ำสมัยที่สุดแห่งยุคนั่นก็คือ Kalimna Block Cabernet Sauvignon 2004 ไวน์แรร์ไอเท็มที่มีเพียงแค่ 12 ขวดทั่วโลก บรรจุในขวดแก้วที่เป่าด้วยมือ ไวน์ข้างในเป็น Kalimna Cabernet Sauvignon จาก Block 42 ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายของปี 1994 ที่หายากมาก ๆ ว่ากันว่าหากต้องการดื่มไวน์ชนิดนี้จะต้องให้หัวหน้า Winemaker ของ Penfolds บินไปเปิดให้ถึงที่เท่านั้น
ปัจจุบัน Penfolds ขยายการดำเนินงานไปทั่วโลก โดยสร้างฐานที่มั่นในตลาดสำคัญ ๆ ทั้งใน สหรัฐอเมริกา ยุโรป เอเชีย และยังคงเป็นผู้นำในกลุ่มไวน์พรีเมียมที่ผลิตไวน์คุณภาพสูงมากมาย