McVitie's (แม็ควิตตี้ส์)
McVitie's (แม็ควิตตี้ส์) คือแบรนด์บิสกิตชื่อดังจากสหราชอาณาจักร ก่อตั้งขึ้นในปี 1830 ที่เมือง Edinburgh ประเทศสกอตแลนด์ โดยบริษัท McVitie & Price, Ltd. ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น เช่น บิสกิต Digestive, Jaffa Cakes และ Hobnobs
จุดเริ่มต้นจากร้านขนมปังเล็กๆ สู่โรงงานทันสมัย
เรื่องราวของ McVitie's เริ่มต้นขึ้นในปี 1830 เมื่อ Robert McVitie ผู้ผลิตขนมปังมากฝีมือชาวสกอตแลนด์ ได้เปิดร้านขนมปังเล็กๆ บนถนน Rose Street ในเมือง Edinburgh ด้วยความตั้งใจที่จะทำขนมปังคุณภาพดีให้กับคนในท้องถิ่น
หลังจากเปิดร้านมาได้ 11 ปี Robert McVitie Jr. ลูกชายของเขาก็ได้เข้ามาช่วยดูแลกิจการ และนำพาธุรกิจไปสู่การเติบโตครั้งสำคัญ เขาได้ร่วมมือกับ Alexander Grant ช่างทำเบเกอรี่มากที่ฝีมือที่เคยทำงานกับครอบครัว McVitie แต่ลาออก เพื่อไปเปิดร้านเบเกอรี่ของตัวเองในเมือง Inverness ประเทศสกอตแลนด์ แต่เขาล้มเหลว จึงกลับมาที่ McVitie's
ทั้งสองร่วมกันพัฒนาสูตรบิสกิตใหม่ๆ และขยายกำลังการผลิต เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการก่อตั้งโรงงานผลิตบิสกิตแห่งแรกขึ้นในปี 1888 ที่ Gorgie Road, Edinburgh โดยโรงงานแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในโรงงานที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น สิ่งนี้ทำให้ McVitie's สามารถผลิตบิสกิตได้ในปริมาณมาก และมีคุณภาพสม่ำเสมอ
กำเนิด Digestive และความสำเร็จระดับโลก
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บริษัทยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และในปี 1892 Alexander Grant ก็ได้คิดค้นบิสกิต Digestive ขึ้นมา บิสกิตชนิดนี้ผลิตจากแป้งโฮลวีท และมีรสชาติหวานน้อย ว่ากันว่าได้รับการออกแบบมา เพื่อช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร และภายหลังจากการเปิดตัวบิสกิตชนิดนี้ก็กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของ McVitie's และเป็นหนึ่งในบิสกิตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
ชื่อ Digestive มาจากความเชื่อในยุคนั้นว่าส่วนผสมของโซเดียมไบคาร์บอเนตในบิสกิตจะช่วยในการย่อยอาหารได้ แม้ว่าปัจจุบันความเชื่อนี้จะไม่ได้ถูกหลักการแพทย์แล้ว แต่ชื่อก็ยังคงอยู่ และกลายเป็นเอกลักษณ์ของบิสกิตชนิดนี้
ในยุคนั้นบิสกิต Digestive ของ McVitie's ได้รับความนิยม เพราะมีรสชาติเฉพาะตัวที่อร่อย มีความกรอบ และเข้ากันได้ดีกับชาหรือกาแฟ จนกลายเป็นบิสกิตที่ขาดไม่ได้สำหรับ ช่วงเวลาพักดื่มชา (Afternoon Tea) ของชาวอังกฤษ
นอกจาก Digestive แล้ว McVitie's ยังผลิตบิสกิตยอดนิยมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น McVitie's Rich Tea บิสกิตเนื้อบางเบา รสชาติละมุน เหมาะสำหรับรับประทานคู่กับชาหรือกาแฟ และ McVitie's Jaffa Cakes บิสกิตที่มีฐานเป็นสปันจ์เค้กนุ่มๆ สลับด้วยแยมผิวส้ม และเคลือบด้วยช็อกโกแลต
จากพระราชวงศ์สู่แบรนด์ระดับโลก
ในปี 1893 McVitie's ได้รับพระราชทานมอบหมายให้อบเค้กสำหรับงานอภิเษกสมรสของสมเด็จพระราชินีแมรี และสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ซึ่งเค้กมีความสูงมากถึง 2 เมตร งานอภิเษกสมรสนี้ได้รับการรายงานข่าวไปทั่วโลก สิ่งนี้ยิ่งทำให้บริษัทได้รับความสนใจ และเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 McVitie's ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กรหลายครั้ง โดยในปี 1948 บริษัทได้ควบรวมกิจการกับ Macfarlane, Lang & Co., Ltd บริษัทเบเกอรี่ของสก็อตแลนด์อีกแห่งหนึ่ง กลายเป็น United Biscuits Group ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในบริษัทผลิตบิสกิตที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร
ภายใต้การบริหารของ United Biscuits แบรนด์ McVitie's ก็ได้ขยายตลาดไปทั่วโลก ทั้งยุโรป อเมริกาเหนือ ตะวันออกกลาง และเอเชีย ซึ่งแบรนด์ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น
ปัจจุบัน McVitie's ยังคงเป็นแบรนด์บิสกิตชั้นนำที่ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพ และรสชาติที่อร่อย ความสำเร็จของ McVitie's ตลอดระยะเวลากว่า 195 ปี เป็นบทพิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง ความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก