Pineapple Upside Down Cake (เค้กสับปะรดกลับหัว)
Pineapple Upside Down Cake (เค้กสับปะรดกลับหัว) เป็นขนมหวานยอดนิยมของสหรัฐอเมริกาที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน โดยเชื่อกันว่าขนมหวานเมนูนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Tarte Tatin (ทาร์ต ทาติน) พายแอปเปิ้ลกลับหัวของฝรั่งเศสที่โด่งดังในศตวรรษที่ 19 วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องราวความอร่อยของเค้กที่น่าสนใจจานนี้กันค่ะ
ต้นกำเนิด: จากแคมเปญการตลาดสู่ขนมยอดนิยม
ต้นกำเนิดของ Pineapple Upside Down Cake เกิดขึ้นในช่วง ศตวรรษที่ 20 มาจากแคมเปญการตลาดที่ชาญฉลาดของ บริษัท Dole Food ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายสับปะรดรายใหญ่ของโลก ในขณะนั้น บริษัทแห่งนี้ต้องการเพิ่มการบริโภค สับปะรดกระป๋อง จึงได้โฆษณาเชิญชวนให้ผู้คนมาร่วม แข่งขันทำอาหารโดยใช้สับปะรดกระป๋องเป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งสูตร Pineapple Upside Down Cake นี้เองที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขัน ด้วยเหตุนี้ Pineapple Upside Down Cake จึงได้รับความนิยมไปทั่วทุกครัวเรือนในสหรัฐอเมริกา และสับปะรดกระป๋องก็ขายดิบขายดีอย่างถล่มทลาย
ลักษณะเด่นและความอร่อย
Pineapple Upside Down Cake จะมีลักษณะเป็นเค้กเนื้อนุ่ม วางด้วย สับปะรดหั่นเป็นแผ่นกลมๆ เรียงเป็นชั้นอยู่ด้านล่างสุดของเค้กในพิมพ์ แล้ววาง เชอร์รี่มารัซชิโน (Maraschino cherry) หรือถั่วไว้ตรงกลางวงแหวนของสับปะรด จากนั้นราดด้วย น้ำเชื่อม หรือ คาราเมล ก่อนเสิร์ฟจะพลิกกลับด้านที่เป็นสับปะรดขึ้นมาด้านบน เผยให้เห็นเนื้อสับปะรดที่เคลือบคาราเมลเป็นสีทองสวยงามน่ารับประทาน นิยมทานคู่กับชา กาแฟ ไอศกรีม และวิปปิ้งครีม เพื่อเพิ่มอรรถรสความอร่อย
ความนิยมและการปรับตัว
ในช่วง ปี 1950 Pineapple Upside Down Cake ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางมากขึ้น ด้วยความเรียบง่าย สะดวกในการทำ และมีราคาไม่แพง นอกจากนี้ ยังมีสูตรที่หลากหลายที่สามารถปรับเปลี่ยนผลไม้ได้ตามชอบ เช่น ใช้ ลูกพีช เชอร์รี่ กล้วย ลูกแพร์ และผลไม้อื่นๆ แทนสับปะรด ทำให้เค้กชนิดนี้มักเสิร์ฟในงานสังสรรค์และในโอกาสพิเศษต่างๆ เป็นเมนูของหวานที่ขาดไม่ได้ในหลายๆ ครัวเรือน
ในยุคปัจจุบัน Pineapple Upside Down Cake กลายเป็นขนมหวานที่ได้รับความนิยมในระดับโลก ซึ่งมักจะไปปรากฏในภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ และตำราอาหารมากมาย โดยในภูมิภาคต่างๆ ก็ได้ดัดแปลงสูตรใหม่ๆ ให้เข้ากับวัตถุดิบและรสนิยมท้องถิ่น เช่น ในบราซิลจะเรียกว่า Bolo de Abacaxi (โบโล เดอ อะบาคาชิ) และนิยมใช้มะพร้าวเป็นส่วนผสมหลัก เพื่อเพิ่มความหอมมัน