St. Basils Cake (เซนต์เบซิล)
ในวันแรกของปีใหม่ หรือวันที่ 1 มกราคม ตามธรรมเนียมของชาวกรีซจะมีกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นั่นก็คือการเล่นเกมหาเหรียญและเครื่องประดับที่ซ่อนอยู่ใน เค้กเซนต์เบซิล (St. Basils Cake) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Vasilopita (วาซิโลปิตา) ซึ่งเป็นเค้กที่ถูกทำขึ้นมาโดย นักบุญเบซิล (Saint Basil) เพื่อช่วยเหลือคนยากจนในอดีต วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องราวเบื้องหลังประเพณีอันเปี่ยมด้วยความหมายนี้กันค่ะ
ต้นกำเนิดจากความเมตตา: เรื่องราวของนักบุญเบซิล
ต้นกำเนิดของ เค้กเซนต์เบซิล เกิดขึ้นราว ศตวรรษที่ 4 ในเมือง ซีซาเรีย คัปปาโดเกีย (Caesarea, Cappadocia) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในอาณาเขตของประเทศตุรกี ตามตำนานกล่าวว่าในช่วงเวลานั้น จักรพรรดิทรงเรียกเก็บภาษีจำนวนมากจากชาวเมืองซีซาเรีย ซึ่งภาษีดังกล่าวถือเป็นภาระอย่างหนักสำหรับประชาชนที่ยากจนอยู่แล้ว ประชาชนจำนวนมากต้องนำทรัพย์สิน เครื่องประดับ และมรดกอื่นๆ ไปแลก เพื่อให้รอดจากการถูกคุมขัง ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบากมากยิ่งกว่าเดิม
เมื่อ นักบุญเบซิล ซึ่งเป็นพระอัครสังฆราช (Archbishop) แห่งซีซาเรียทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงออกมาปกป้องประชาชน ด้วยการเรียกร้องให้จักรพรรดิกลับใจอย่างไม่เกรงกลัว และด้วยความที่นักบุญเบซิลเป็นที่เคารพนับถืออย่างกว้างขวาง จักรพรรดิจึงยอมยกเลิกการเก็บภาษี รวมถึงมีรับสั่งให้คนเก็บภาษีนำหีบทั้งหมดที่บรรจุเหรียญและเครื่องประดับที่ชาวเมืองซีซาเรียนำมาจ่ายเป็นภาษีมอบให้กับนักบุญเบซิลเพื่อนำไปคืนแก่ประชาชน
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รับเหรียญและเครื่องประดับคืนมาแล้ว นักบุญเบซิลก็ต้องเผชิญกับปัญหาในการคืนเหรียญและเครื่องประดับหลายหมื่นชิ้นให้กับเจ้าของ เพราะมีจำนวนเยอะมาก ไม่รู้ว่าชิ้นไหนเป็นของใคร นักบุญเบซิลจึงแก้ปัญหาโดยการนำเหรียญและเครื่องประดับมาใส่ไว้ในขนมปังอบ จากนั้นจึงเรียกชาวเมืองทั้งหมดมาสวดมนต์ที่อาสนวิหาร และหลังจากพิธีสวดเสร็จสิ้น ก็ตัดแบ่งแจกจ่ายขนมปังอบให้กับชาวเมืองทั้งหมดในจำนวนเท่าๆ กัน ซึ่งชาวเมืองก็มีความยินดีเป็นอย่างมาก และกล่าวขอบคุณนักบุญเบซิลผู้ที่ช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากความยากจน
ประเพณีแห่งการเฉลิมฉลองและโชคลาภ
ดังนั้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงความรักและความเมตตาของ นักบุญเบซิล ที่มีต่อชาวเมือง ในวันที่ 1 มกราคม หรือวันขึ้นปีใหม่ของทุกปี ซึ่งตรงกับวันที่นักบุญเบซิลเสียชีวิตในปี ค.ศ. 379 จึงมีประเพณีการอบ เค้กเซนต์เบซิล และการเล่นเกมค้นหาเหรียญและเครื่องประดับเกิดขึ้น โดยประเพณีดังกล่าวเป็นเครื่องเตือนใจถึงความมีน้ำใจของนักบุญเบซิลและความโชคดีสำหรับปีใหม่ที่กำลังมาถึง
หลังจากอบแล้ว เค้กจะถูกตัดออกโดยแบ่งสำหรับ พระเยซู พระแม่มารี (มารดาพระเยซู) และ นักบุญเบซิล และจากนั้นเค้กส่วนที่เหลือก็จะแบ่งสำหรับสมาชิกในครอบครัวและแขกที่มาเยือน โดยชิ้นที่ถูกกำหนดไว้เป็นของนักบุญเบซิล จะถูกมอบให้กับผู้ด้อยโอกาส นอกจากนี้ยังเชื่อกันอีกว่าผู้พบเหรียญหรือเครื่องประดับในเค้กจะได้รับพรและโชคลาภตลอดทั้งปี โดยก่อนจะตัดเค้กหัวหน้าครอบครัวหรือสมาชิกคนโตจะทำสัญลักษณ์รูปไม้กางเขนเหนือเค้กก่อนแล้วจึงตัดเค้ก เป็นการอธิษฐานขอพร
วิวัฒนาการและความนิยมในปัจจุบัน
ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ประเพณีการอบ เค้กเซนต์เบซิล ก็ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะใน กรีซ ซึ่งก็มีการพัฒนาสูตรขึ้นมาใหม่ โดยมักปรุงรสด้วย ผิวส้ม เครื่องเทศ อัลมอนด์ และถั่วอื่นๆ ทำให้มีรสชาติที่หลากหลายและเป็นเอกลักษณ์
ปัจจุบัน การอบและแบ่งปัน เค้กเซนต์เบซิล ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลอง เพื่อแสดงออกถึงความมีน้ำใจของผู้คนทั้งในครอบครัว เพื่อนฝูง และชุมชน โดยเมื่อถึงวันขึ้นปีใหม่ ทุกคนต่างก็รอคอยที่จะได้ทานเค้กเซนต์เบซิลและเล่นเกมร่วมกัน เป็นประเพณีที่สร้างความสุขและความผูกพันให้กับผู้คนในหลายประเทศแถบยุโรปตะวันออกและคาบสมุทรบอลข่าน