Cinnamon (อบเชย)
กลิ่นอายของเทศกาลคริสต์มาส มักจะมาพร้อมกับกลิ่นหอมเย้ายวนของ Cinnamon (อบเชย) ยิ่งในประเทศที่ให้ความสำคัญกับคริสต์มาสมาก ๆ ตามสถานที่ต่างๆ จะมีกลิ่นหอมของ Cinnamon อบอวลฟุ้งกระจายอยู่เต็มไปหมด ซึ่งกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าคริสต์มาสกำลังจะมาถึงแล้ว วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องราวของเครื่องเทศมหัศจรรย์นี้กันค่ะ
Cinnamon กับเทศกาลคริสต์มาส
กลิ่นของ Cinnamon (อบเชย) เป็นกลิ่นที่อยู่คู่กับเทศกาลคริสต์มาสมาตั้งแต่ ยุคกลาง เนื่องจากในอดีตมีการใช้อบเชยเป็น สารกันบูด โดยมักจะนำไปใส่ในอาหารแปรรูป เช่น ผลไม้ และเนื้อสัตว์ ที่รับประทานในโอกาสพิเศษต่างๆ ซึ่งในสมัยนั้นเทศกาลคริสต์มาส ถือเป็นเทศกาลที่มีการจัดงานเลี้ยงฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จึงมีการนำอบเชยมาใช้งานเป็นจำนวนมาก ดังนั้นกลิ่นหอมของอบเชย จึงกลายมาเป็นกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ประจำเทศกาลคริสต์มาสนั่นเอง
ถึงแม้ปัจจุบันเราจะไม่ได้ใช้อบเชยในการถนอมอาหารแล้ว แต่อย่างไรก็ตามกลิ่นหอมของอบเชยก็ยังคงเป็นเอกลักษณ์ประจำเทศกาลคริสต์มาสอยู่ดี ดังนั้นเมื่อช่วงเวลาของเทศกาลคริสต์มาสมาถึง ผู้คนจึงนิยมนำอบเชยมาใช้ในการปรุงรส และแต่งกลิ่นอาหารหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น Mulled Wine, Christmas Pudding หรือขนมอบต่างๆ อีกทั้งยังนำแท่งอบเชยมาประดับตกแต่งบนต้นคริสต์มาส หรือตามสถานที่ต่างๆ อีกด้วย เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง
เหตุผลที่ Cinnamon ไม่เป็นกลิ่นของฤดูกาลอื่น
การศึกษาในปี 2009 แสดงให้เห็นว่ากลิ่นของอบเชยถูกมองว่าเป็นกลิ่นที่ไม่น่าพึงพอใจในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากความทรงจำ และประสบการณ์ที่ผ่านมา ได้บังคับให้อบเชยเป็นเพียงเป็นกลิ่นประจำของเทศกาลคริสต์มาสเท่านั้น ซึ่งถ้าหากได้กลิ่นนี้ในฤดูกาลอื่น จะทำให้สูญเสียความเป็นเอกลักษณ์และมนต์เสน่ห์ของอบเชยไป จึงทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกแยกหรือไม่คุ้นเคยเมื่อได้กลิ่นอบเชยในช่วงเวลาอื่นนั่นเอง
ประโยชน์ของ Cinnamon
อบเชยเป็นเครื่องเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ช่วง 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ในอดีตชาวอียิปต์ ชาวโรมัน และชาวจีนโบราณ นิยมใช้อบเชยในการถนอมอาหาร เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ทำให้เนื้อสัตว์เน่าเสีย และใช้เป็นยาบรรเทาอาการหวัด ตลอดจนช่วยรักษาระบบย่อยอาหารมานานหลายศตวรรษ
กลิ่นและรสชาติของอบเชยได้มาจาก เปลือกไม้ชั้นในของต้นไม้ประเภท Cinnamomum (ซินนามอมัม) เปลือกของต้นไม้ชนิดนี้มีกลิ่นที่ซับซ้อน ซึ่งประกอบไปด้วยสารอะโรมาติกกว่า 80 ชนิด จึงไม่แปลกใจเลยค่ะ ที่อบเชยจะเป็นเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์
นอกจากนี้ อบเชยยังอุดมไปด้วย แมงกานีส เหล็ก แคลเซียม ไฟเบอร์ และคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระอีกมากมาย ที่ส่งผลดีต่อร่างกาย ซึ่งล่าสุดมีการค้นพบประโยชน์ต่อสุขภาพอีกอย่างหนึ่ง คือบางคนคิดว่าแค่ได้ดมกลิ่นอบเชย หรือเคี้ยวหมากฝรั่งรสอบเชยก็สามารถช่วย กระตุ้นการทำงานของสมอง ได้อีกด้วย นับเป็นเครื่องเทศที่ไม่ได้มีดีแค่กลิ่นหอม แต่ยังเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์อีกด้วยค่ะ