แชร์

Hummus (ฮัมมัส)

ฮัมมัส (Hummus) เป็นอาหารประเภทจิ้มของชาวตะวันออกกลาง ที่มีส่วนผสมของ ถั่วลูกไก่ (Chickpeas), งาขาวบด (Tahini), น้ำมันมะกอก และน้ำมะนาว โดยจะมีรสชาติเปรี้ยวเค็มและความมันจากงา นิยมทานคู่กับแผ่นแป้งพิต้า (Pita bread) หรือขนมปังโฮลวีท วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกถึงประวัติศาสตร์และประโยชน์ของเมนูที่ได้รับความนิยมทั่วโลกนี้กันค่ะ

ต้นกำเนิดของฮัมมัส: ข้อถกเถียงและหลักฐาน

ต้นกำเนิดที่แท้จริงของ ฮัมมัส เป็นประเด็นถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ด้านอาหาร บางคนเชื่อว่ามีมาตั้งแต่ สมัยอียิปต์โบราณ ในขณะที่บางคนแย้งว่ามีต้นกำเนิดอยู่ใน ลิแวนต์ (Levante) ซึ่งเป็นภูมิภาคในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกที่ครอบคลุมบางส่วนของซีเรีย เลบานอน จอร์แดน และอิสราเอลในปัจจุบัน

แต่อย่างไรก็ตาม การอ้างอิงถึงฮัมมัสที่เก่าแก่ที่สุด ปรากฏอยู่ใน หนังสือทำอาหารไคโรของอียิปต์ ในศตวรรษที่ 13 ซึ่งมีสูตรถั่วลูกไก่บดปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชูและสมุนไพร แต่แม้ว่าเครื่องปรุงรสเหล่านี้จะไม่มีในสูตรฮัมมัสในปัจจุบัน ก็เป็นหลักฐานชี้ชัดได้ว่ามีถั่วชิกพีอยู่ในภูมิภาคแห่งนี้มานานแล้ว

คำว่า Hummus นั้นมาจากคำว่า Himmaṣ ในภาษาอาหรับ ที่แปลว่า ถั่วลูกไก่ (Chickpeas) ซึ่งก็เป็นชื่อที่มีความหมายตรงตัวและสื่อถึงอาหารจานนี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากฮัมมัสมีถั่วลูกไก่เป็นวัตถุดิบหลักนั่นเอง

การพัฒนาของฮัมมัส: จากลิแวนต์สู่สากล

อย่างไรก็ตาม ฮัมมัสในรูปแบบที่เรารู้กันในปัจจุบัน เริ่มเป็นรูปเป็นร่างเมื่อหลายศตวรรษต่อมา ซึ่งมีการดัดแปลงส่วนผสม โดยเพิ่ม งาขาวบดหรือทาฮีนี (Tahini), กระเทียม, น้ำมะนาว และน้ำมันมะกอก ลงไปในสูตร ซึ่งสูตรที่ได้รับการดัดแปลงนี้ได้รับความนิยมในลิแวนต์ (Levante) เนื่องจากวัตถุดิบต่างๆ เหล่านี้หาได้ง่ายในภูมิภาคแห่งนี้ ทำให้เป็นเมนูที่เข้าถึงง่ายและเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต

เมื่อเวลาผ่านไป ฮัมมัสก็ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ โดยได้รับความนิยมในกลุ่มผู้อพยพ นักเดินทาง และพ่อค้า ด้วยเหตุนี้เองฮัมมัสจึงแพร่กระจายไปไกลกว่าตะวันออกกลาง จนกลายเป็นที่รู้จักในส่วนอื่นๆ ของโลกอย่างกว้างขวาง

ฮัมมัสในปัจจุบัน: ประโยชน์หลากหลายและความนิยมทั่วโลก

ใน ศตวรรษที่ 20 ฮัมมัสเริ่มได้รับความนิยมในยุโรปและอเมริกาเหนือ เนื่องจากเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะฮัมมัสไม่เพียงแต่อร่อยเท่านั้น แต่ยัง อุดมไปด้วยโปรตีนจากพืช, ไฟเบอร์ และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งตอบโจทย์เทรนด์การบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ฮัมมัสในรูปแบบสมัยใหม่ยังได้รับการพัฒนาโดยเปลี่ยนวัตถุดิบหลักอย่างถั่วลูกไก่มาใช้วัตถุดิบอย่างอื่น เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย เช่น อะโวคาโด และมันเทศ เป็นต้น ทำให้มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างออกไป แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของฮัมมัส

ปัจจุบัน ฮัมมัส ยังคงได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น จนกลายเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ ซึ่งมีวิธีการรับประทานที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากใช้เป็น ดิป (Dips) แล้วยังสามารถใช้เป็น ซอสในพิซซ่า แทนซอสมะเขือเทศและซอสอื่นๆ ได้ด้วย รวมไปถึงใช้เป็น ไส้ในแซนด์วิช และ ท็อปปิ้งบนสลัด ต่างๆ เพื่อความอร่อยและเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการได้อีกด้วย

Tags :

บทความที่เกี่ยวข้อง
Bone marrow (ไขกระดูก)
Bone marrow (ไขกระดูก) อาหารของมนุษย์ยุคหิน... กลายมาเป็นอาหารอันโอชะในยุคปัจจุบันได้อย่างไร?
Butter of gods (เนยไขกระดูก)
If God made butter it would taste exactly like bone marrow. - Anthony Bourdain
Purple Cauliflower (กะหล่ำดอกสีม่วง)
Purple Cauliflower (กะหล่ำดอกสีม่วง) และกะหล่ำดอกสีขาว: ไม่ได้ต่างกันแค่สี แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่ต่างกันอีกด้วย
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ