Tzatziki (ซาซิกิ)
รู้หรือไม่ว่าอาหารของชาวกรีกโบราณนั้นถือเป็นต้นตำรับของอาหารสุขภาพสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ทั้งนี้เนื่องจากในอดีตระบบทางการแพทย์ไม่ได้มีความก้าวหน้าเฉกเช่นในปัจจุบัน ดังนั้นชาวกรีกโบราณจึงต้องเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและรักษาความสมดุลของสุขภาพ ซึ่งอาหารเพื่อสุขภาพของชาวกรีกนั้นก็มีหลากหลายชนิดที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน หนึ่งในนั้นก็คือซอส Tzatziki (ซัตซีกี) ซึ่งเป็นซอสที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ
Tzatziki เป็นซอสโยเกิร์ตรสเปรี้ยวอมเค็มที่มีส่วนผสมหลักของกระเทียมขูดหรือสับละเอียด และแตงกวาขูดหรือสับ ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำผึ้งเล็กน้อยเพื่อความกลมกล่อม น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูไวน์ขาวเพื่อเพิ่มความเปรี้ยว น้ำมันมะกอก และสมุนไพรที่ให้กลิ่นหอม เช่น ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ ออริกาโน ไธม์ และพาร์สลีย์ นิยมทานเป็นซอสดิปหรือเครื่องเคียง ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในแถบเมดิเตอร์เรเนียนและตะวันออกกลางมานานกว่าหลายศตวรรษ แสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่ยั่งยืน
โยเกิร์ต: หัวใจสำคัญของ Tzatziki ในวิถีกรีก
ในอดีตโยเกิร์ตถือเป็นอาหารประจำชาติของชาวกรีก เนื่องจากโยเกิร์ตอุดมไปด้วยโพรไบโอติก (Probiotics) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพของลำไส้และระบบย่อยอาหาร แต่โยเกิร์ตในสมัยนั้นจะไม่เหมือนกับโยเกิร์ตที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน เพราะมีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นกว่ามาก (คล้ายกรีกโยเกิร์ต) และสามารถใช้ปรุงอาหารได้ทั้งคาวและหวาน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเป็นส่วนผสมหลักของซอส Tzatziki ทำให้ซอสมีความข้นและรสชาติกลมกล่อม
แนวคิดในการผสมโยเกิร์ตเข้ากับแตงกวากล่าวว่าน่าจะเกิดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1469 โดยชาวกรีกโบราณจะรวมส่วนผสมที่หาได้ง่ายและมีคุณประโยชน์เหล่านี้เข้าด้วยกัน แล้วเติมสมุนไพรและเครื่องปรุงรสต่างๆ ลงไป เพื่อสร้างอาหารที่ให้ความสดชื่นและดีต่อสุขภาพ เหมาะสำหรับฤดูร้อน และช่วยดับร้อนได้เป็นอย่างดีในสภาพอากาศที่ร้อนระอุของภูมิภาค
ที่มาของชื่อ Tzatziki: อิทธิพลจากออตโตมัน
คำว่า Tzatziki ถูกเรียกครั้งแรกประมาณกลางศตวรรษที่ 20 โดยเป็นคำที่ยืมมาจากภาษากรีกสมัยใหม่ ( τζατζίκι ) ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำภาษาตุรกีว่า Cacik (จาจิก) แปลว่า ทำทุกอย่างให้เป็นซอส หรือ สับ (ในบริบทของการสับส่วนผสมให้เป็นชิ้นเล็กๆ) เนื่องจากในช่วงที่จักรวรรดิออตโตมันปกครองกรีซตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 จนถึงสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ในช่วงเวลานี้มีการบังคับให้ตั้งชื่ออาหารกรีกหลายชนิดด้วยชื่อตุรกี เพื่อแสดงอำนาจและอิทธิพล ด้วยเหตุนี้อาหารกรีกหลายชนิดจึงมีชื่อมาจากภาษาตุรกีนั่นเอง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลทางวัฒนธรรมที่เบลนด์เข้าหากันอย่างแยกไม่ออก
Tzatziki ในวัฒนธรรมอาหารปัจจุบัน: ความนิยมที่หลากหลาย
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Tzatziki มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยปรับให้เข้ากับรสนิยมและความชอบที่เปลี่ยนไปของภูมิภาคต่างๆ ในกรีซมักเสิร์ฟเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย (Meze) หรือเสิร์ฟเป็นซอสดิปควบคู่ไปกับอาหารจานหลักที่เป็นเนื้อย่างต่างๆ เช่น ไจโร (Gyro) เนื้อย่างหมุนเสียบไม้ที่นิยมใส่ในขนมปังพิต้า, ซูฟลากี (Souvlaki) เนื้อเสียบไม้ย่างยอดนิยม, ฟาลาเฟล (Falafel) ลูกชุบถั่วชิกพีทอดกรอบ และขนมปังพิต้า (Pita Bread) อุ่นๆ นอกจากนี้ยังนิยมทานคู่กับมันฝรั่งทอดหรือผักสดอีกด้วย ซึ่งเป็นส่วนเสริมที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับมื้ออาหาร
เมื่อเวลาผ่านไป Tzatziki ก็ได้รับความนิยมในระดับสากลจนกลายเป็นที่รู้จักในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างตุรกี ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Cacik โดยในรูปแบบของตุรกีจะนิยมใส่เครื่องเทศซูมัค (Sumac) ซึ่งให้รสเปรี้ยวอมฝาด และใบสะระแหน่สดลงไป เพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่แตกต่างจากเวอร์ชันกรีกเล็กน้อย
นอกจากนี้ในประเทศแถบบอลข่าน (เช่น บัลแกเรีย มาซิโดเนีย) ซอสชนิดนี้ยังมีชื่อเรียกอีกว่า Tarator (ทาราทอร์) ซึ่งมักปรุงเป็นซุปเย็นในช่วงฤดูร้อน ทำมาจากโยเกิร์ต แตงกวา กระเทียม วอลนัทบดละเอียด ผักชีฝรั่ง น้ำมันพืช และน้ำ เสิร์ฟแบบแช่เย็นจัด นิยมจับคู่กับปลาหมึกย่าง หรือใช้เป็นน้ำซุปสำหรับอาหารประเภทอื่น เพื่อคลายความร้อนในวันที่มีอากาศอบอ้าว
ด้วยความอเนกประสงค์ของ Tzatziki ประเทศต่างๆ จึงนำไปใช้งานในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ทำเป็นน้ำจิ้มสำหรับผักผลไม้ สเปรดสำหรับแซนด์วิช หรือน้ำสลัดสำหรับผู้ทานมังสวิรัติและวีแกน (ด้วยการใช้โยเกิร์ตจากพืชเป็นส่วนผสมหลัก) ด้วยเหตุนี้เอง Tzatziki จึงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางจากผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและมองหาทางเลือกที่ดีต่อร่างกายและมีรสชาติอร่อยและสดชื่น