แชร์

Mont Blanc (มงบล็อง)

มงบล็อง (Mont Blanc) หรือในภาษาอิตาลีเรียกว่า มอนเตเบียงโก (Montebianco) เป็นขนมหวานที่มีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมการทำอาหารของฝรั่งเศสและอิตาลีมานานหลายศตวรรษ โดยมีต้นกำเนิดในช่วงศตวรรษที่ 15 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เกาลัดได้รับการเผยแพร่ให้รู้จักในยุโรปเป็นครั้งแรก ทำให้เกาลัดกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญของขนมหวานหลายชนิดในยุคนั้น

มงบล็องเป็นขนมหวานที่ทำจากเกาลัดบดแล้วม้วนขึ้นเป็นโดม ราดด้วยวิปครีมสีขาวนวล มีลักษณะคล้ายกับยอดเขามงบล็องที่ปกคลุมด้วยหิมะบนเทือกเขาแอลป์ อันเป็นที่มาของชื่อ Mont Blanc ซึ่งหมายถึง ภูเขาสีขาว นั่นเอง ต้นกำเนิดของมงบล็องกล่าวกันว่าถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกในแคว้นปิเอมอนเต ประเทศอิตาลี เนื่องจากมีสูตรดั้งเดิมปรากฏในตำราอาหารอิตาเลียนเล่มแรกชื่อ De Honesta Voluptate ของ Bartolomeo Platina (บาร์โตโลเมโอ ปลาตินา) ในปี ค.ศ. 1475 โดยสูตรดั้งเดิมนี้ค่อนข้างเรียบง่าย ทำจากเกาลัดบดแล้วโรยด้วยน้ำตาลผง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของขนมหวานอันเลื่องชื่อนี้

จากอิตาลีสู่ฝรั่งเศส: การวิวัฒนาการสู่ความหรูหรา

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา สูตรอาหารดังกล่าวก็ปรากฏอีกครั้งในตำรา Opera dell'Arte del Cucinare ของ Bartolomeo Scappi (บาร์โตโลเมโอ สกัปปี) เชฟชาวอิตาลีผู้โด่งดังในยุคเรอเนซองส์ ด้วยเหตุนี้เองในช่วงศตวรรษที่ 17 มงบล็องจึงเริ่มเป็นที่รู้จักในฝรั่งเศส และได้รับความนิยมในราชสำนักและหมู่ชนชั้นสูงอย่างแพร่หลาย

การสร้างสรรค์มงบล็องในแบบที่เรารู้กันในปัจจุบันนั้นมีต้นกำเนิดมาจากร้านขนม Dessat (เดสซาต์) ในกรุงปารีสในปี ค.ศ. 1847 ซึ่งร้านขนมแห่งนี้ได้พัฒนามงบล็องให้ดูหรูหราขึ้น โดยนำเกาลัดบดมาบีบเป็นเส้นเล็กๆ แล้วม้วนเป็นโดมทรงสูง ตกแต่งด้วยวิปครีมฟูฟ่องด้านบนอย่างประณีต เรียกเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า Mont Blanc aux Marrones (มงบล็องโอ มารอนน์) หรือ มงบล็องกับเกาลัด ในเวลาไม่นาน มงบล็องรูปแบบนี้ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นในฝรั่งเศสและกลายเป็นขนมคลาสสิกที่โดดเด่นประจำร้าน

ต่อมาในปี ค.ศ. 1903 ร้านกาแฟชื่อ Angelina (อังเจลิน่า) ในปารีสก็ได้ยกระดับมงบล็องขึ้นมาอีกครั้งจนกลายเป็นเมนูซิกเนเจอร์ประจำร้านที่โด่งดังไปทั่วโลก โดยร้านกาแฟแห่งนี้ไม่เพียงแค่เสิร์ฟเกาลัดบดราดด้วยวิปครีมเท่านั้น แต่ยังเสิร์ฟมาพร้อมกับฐานเมอแรงค์บางกรอบ เพื่อเพิ่มมิติของเนื้อสัมผัสที่ตัดกันระหว่างความนุ่มของเกาลัดกับความกรอบของเมอแรงค์ และตกแต่งด้วยท็อปปิ้งที่หลากหลาย ทำให้ความนิยมของมงบล็องมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นที่รู้จักในหลายประเทศทั่วทั้งยุโรปและเอเชีย เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ ฮังการี และญี่ปุ่น

Mont Blanc ในประเทศญี่ปุ่น: การปรับตัวและสร้างสรรค์ใหม่ไม่รู้จบ

ในปี ค.ศ. 1933 มงบล็องได้รับการเผยแพร่ให้รู้จักในประเทศญี่ปุ่น โดยซะโกะตะ จิมะโอะ (Sakota Jimao) นักทำขนมชื่อดังชาวญี่ปุ่น ซึ่งเรื่องราวมีอยู่ว่าคุณซะโกะตะได้ชิมมงบล็องต้นตำรับเมื่อครั้งที่มาเยือนปารีสแล้วหลงใหลในรสชาติและรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ เขาจึงนำสูตรนี้กลับไปยังบ้านเกิดแล้วเปิดร้านขายมงบล็องแห่งแรกในญี่ปุ่น โดยใช้ชื่อร้านว่า Tokyo Jiyugaoka Mont-Blanc ตั้งอยู่บริเวณย่านจิยูงะโอกะ เขตเมกุโระในโตเกียว ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของ Mont Blanc ในแดนอาทิตย์อุทัย

อย่างไรก็ตาม ร้านของเขาได้พัฒนามงบล็องขึ้นมาใหม่ โดยปรับให้เข้ากับรสนิยมของชาวญี่ปุ่นที่ชื่นชอบความนุ่มละมุนและสีสันที่สดใส:

  • เปลี่ยนฐานเค้ก: จากฐานที่ทำจากเมอแรงก์ซึ่งอาจแข็งกระด้างสำหรับบางคน มาเป็นคัสเตลล่า (Castella) หรือเค้กไข่ญี่ปุ่นที่มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนและฟูเบา ทำให้ทานง่ายขึ้น
  • เปลี่ยนชนิดเกาลัด: แทนที่จะใช้เกาลัดบดธรรมดาซึ่งมีสีน้ำตาลแบบของยุโรป เขาก็เปลี่ยนมาใช้เกาลัดที่ผ่านการเชื่อม (Kuri Kanroni) จนมีรสหวานฉ่ำและสีเหลืองสว่างแทน ซึ่งเป็นสีที่สวยงามและดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น จนเกิดเป็นมงบล็องแบบใหม่ที่มีสีเหลืองจากสีของเกาลัดเชื่อม อันเป็นเอกลักษณ์สำคัญของมงบล็องสไตล์ญี่ปุ่น
แต่เนื่องจากคุณซะโกะตะไม่ได้จดทะเบียนทางการค้าของมงบล็องรูปแบบใหม่เอาไว้ ในภายหลังจึงมีร้านอื่นๆ นำไปผลิตจำหน่ายจนได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่น กลายเป็นขนมที่รู้จักกันดีในหมู่คนญี่ปุ่น แต่อย่างไรก็ตาม มงบล็องในญี่ปุ่นก็ยังคงได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตามยุคสมัย ซึ่งปัจจุบันก็มีหลากหลายรูปแบบ เช่น มีฐานเป็นสปันจ์เค้ก หรือทาร์ต เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค

นอกจากนี้ ตรงส่วนโดมที่ทำจากเกาลัดบดยังมีการดัดแปลงวัตถุดิบที่ใช้ในการทำด้วย เช่น มันเทศ ฟักทอง หรือผสมผงโกโก้และผงชาเขียวมัตฉะลงไป เพื่อเพิ่มรสชาติและสีสันที่หลากหลายและแปลกใหม่ รวมไปถึงการตกแต่งยอดเค้กก็มีการทำเป็นรูปทรงอื่นๆ ที่หลากหลาย เช่น ทรงกรวยคว่ำยอดแหลม หรือบางครั้งก็ไม่ได้ทำเป็นยอดสูงขึ้นไปแต่บีบครีมเกาลัดให้คลุมหน้าฐานเค้กเป็นลายสวยงาม และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ทุกวันนี้มงบล็องกลายเป็นเมนูขนมหวานที่ได้รับความนิยมในร้านขนมและร้านอาหารทั่วโลก ด้วยความคลาสสิกที่ยังคงอยู่ควบคู่ไปกับนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์ไม่หยุดยั้ง
Tags :

บทความที่เกี่ยวข้อง
Yakgwa (ยักกวา, 약과)
ทำความรู้จัก Yakgwa (ยักกวา, 약과) ขนมหวานดั้งเดิมของเกาหลี
Songpyeon (ซงพยอน, 송편)
ทำความรู้จัก Songpyeon (ซงพยอน, 송편) ขนมต็อกพื้นเมืองของเกาหลี
Kimchi Bokkeumbap (กิมจิ บกกึมบับ, 김치볶음밥)
ทำความรู้จัก Kimchi Bokkeumbap (กิมจิ บกกึมบับ, 김치볶음밥) หรือข้าวผัดกิมจิอาหารจานยอดนิยมในประเทศเกาหลีใต้
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ