แชร์

Pangasius Fish (ปลาแพนกาเซียส)

อัพเดทล่าสุด: 13 ส.ค. 2025

Pangasius: ปลาประจำถิ่นแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Pangasius หรือปลาแพนกาเซียส คือปลาน้ำจืดกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในวงศ์ Pangasiidae ซึ่งครอบคลุมปลาประมาณ 30 ชนิด รวมถึงปลาสวายที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ปลาในกลุ่มนี้มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในแม่น้ำสายใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบแม่น้ำโขงอันกว้างใหญ่ ปลากลุ่ม Pangasius มีลักษณะเด่นที่น่าสังเกตคือ ไม่มีเกล็ดบนหนัง ลำตัวมีรูปร่างเพรียว หนวด 2 คู่บริเวณปาก และมีครีบก้นยาว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้พวกมันแตกต่างจากปลาชนิดอื่น

Pangasius มีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมการบริโภคของประชาชนแถบลุ่มแม่น้ำโขงมานานหลายศตวรรษ โดยเฉพาะในเวียดนามตอนใต้ บริเวณเมือง Cần Thơ และจังหวัด An Giang ริมแม่น้ำโขง มีการจับปลา Pangasius มาบริโภคในครัวเรือนและแปรรูปหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นปลาแห้ง ปลารมควัน หรือปลาเค็ม มาตั้งแต่สมัยก่อนยุคอาณานิคม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันของปลาชนิดนี้กับวิถีชีวิตของผู้คนในภูมิภาค

จากปลาท้องถิ่น สู่ดาวเด่นในตลาดโลก

ปลา Pangasius มีความสามารถพิเศษในการปรับตัวในสภาพแวดล้อมที่มีปริมาณออกซิเจนต่ำได้ดีเยี่ยม และมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วอย่างน่าทึ่ง คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ Pangasius เป็นตัวเลือกยอดนิยมของชาวประมงท้องถิ่นและเกษตรกรผู้เลี้ยงปลา

ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 (ปี ค.ศ.1990-1999) เป็นต้นมา รัฐบาลเวียดนามได้เริ่มให้การสนับสนุนการเพาะเลี้ยงปลาชนิดนี้ในกระชังและบ่อดินอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นการยกระดับการผลิตจากวิถีพื้นบ้านสู่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ การสนับสนุนนี้ส่งผลให้ Pangasius กลายเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกหลักที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศเวียดนามในเวลาต่อมา

ในช่วงทศวรรษ 2000 (ปีค.ศ. 2000-2009) ปลา Pangasius โดยเฉพาะสายพันธุ์ Bas (Pangasianodon hypophthalmus) และ Tra (Pangasius bocourti) ได้รับการผลักดันเข้าสู่ตลาดโลกอย่างจริงจัง โดยมีเวียดนามก้าวขึ้นเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลกอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน เวียดนามส่งออกปลากลุ่มนี้ไปยังนานาประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย และประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการยกระดับปลาท้องถิ่นให้เป็นวัตถุดิบระดับสากล

กลยุทธ์ Pangasius Dory และปัจจัยแห่งความสำเร็จ

สิ่งที่น่าสนใจคือ เวียดนามได้ใช้ชื่อทางการค้าสำหรับปลา Pangasius ที่ส่งออกว่า Pangasius Dory กลยุทธ์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอปลากลุ่มนี้ในฐานะปลาคุณภาพสูงที่สามารถแข่งขันกับปลา John Dory ซึ่งเป็นปลาเนื้อขาวระดับพรีเมียมและมีราคาสูง ซึ่งกลยุทธ์การตั้งชื่อนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว และช่วยส่งเสริมความนิยมของปลาชนิดนี้ในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การที่ปลา Pangasius ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในตลาดโลกมาจากหลายปัจจัยสำคัญดังนี้:

  • เนื้อปลาคุณภาพดี: เนื้อปลามีความนุ่มละเอียด ไม่มีกลิ่นคาวเด่นชัด ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ผู้บริโภคชื่นชอบ
  • ปริมาณการผลิตสูงและราคาเข้าถึงง่าย: สามารถเพาะเลี้ยงได้ในปริมาณมากในพื้นที่จำกัด ทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำ และมีราคาถูกกว่าปลาเนื้อขาวชนิดอื่นๆ ที่นิยม เช่น ปลาค็อด หรือฮาลิบัต ทำให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้บริโภคและอุตสาหกรรมอาหาร
  • ความหลากหลายในการนำไปปรุงอาหาร: เนื้อปลา Pangasius มีรสชาติกลางๆ จึงเข้ากันได้ดีกับสูตรอาหารนานาชาติหลากหลายประเภท ทำให้สามารถนำไปประกอบอาหารได้ทั้งเมนูตะวันตกและเอเชีย

ในประเทศแถบตะวันตก นิยมนำปลา Pangasius ไปทำเมนูยอดนิยมอย่าง Fish and Chips, Fish Burger และเมนูทอดต่างๆ ที่ต้องการเนื้อปลาที่คงรูปและมีรสสัมผัสดี ส่วนในประเทศไทย ปลากลุ่มนี้มักถูกนำมาประกอบอาหารพื้นบ้านและเมนูท้องถิ่นที่คุ้นเคย เช่น แกงเทโพ ต้มยำ ปลาแห้ง ปลาแดดเดียว ปลาทอด และปลาเผา ซึ่งล้วนเป็นเมนูที่สะท้อนถึงความอเนกประสงค์ของปลาชนิดนี้

คุณค่าทางโภชนาการและมาตรฐานการผลิตที่ยั่งยืน

นอกจากรสชาติที่อร่อยและราคาที่เข้าถึงได้แล้ว ปลากลุ่ม Pangasius ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีกรดไขมันโอเมกา 3 ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อสุขภาพหัวใจและสมอง นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง วิตามินบี 2 วิตามินดี และแร่ธาตุสำคัญต่างๆ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และสังกะสี ซึ่งล้วนจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย

ปลา Pangasius ให้พลังงานต่ำ มีโปรตีนสูง และไขมันอิ่มตัวต่ำ จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนักหรือผู้ที่ใส่ใจรักษาสุขภาพหัวใจ โดยเฉลี่ยแล้ว เนื้อปลา Pangasius 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 90120 กิโลแคลอรี มีโปรตีนสูงถึง 1520 กรัม และมีไขมันเพียง 24 กรัม นอกจากนี้ยังมีวิตามิน D, B12 และแร่ธาตุสำคัญ เช่น ฟอสฟอรัส และซีลีเนียม ซึ่งจำเป็นต่อระบบภูมิคุ้มกันและการทำงานของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย

เนื่องจากความต้องการที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเลี้ยงปลา Pangasius จึงกลายเป็นกิจกรรมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีการควบคุมคุณภาพและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ฟาร์มเพาะเลี้ยงปลา Pangasius จำนวนมากในเวียดนามและประเทศอื่นๆ ได้รับการรับรองจากองค์กรระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียง เช่น ASC (Aquaculture Stewardship Council) ซึ่งรับรองการเลี้ยงปลาด้วยวิธีที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม และ GlobalG.A.P. (Good Agricultural Practices) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยอาหารและการจัดการฟาร์มที่ดี

การได้รับมาตรฐานเหล่านี้ ทำให้ Pangasius กลายเป็นปลาที่น่าเชื่อถือในตลาดพรีเมียมมากขึ้น และช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของปลาน้ำจืดในเวทีโลก ว่าสามารถผลิตได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน

แม้ว่า Pangasius จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ในช่วงหนึ่งก็เคยมีข่าวลือด้านลบเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงและคุณภาพน้ำในฟาร์มเวียดนาม ซึ่งหลายกรณีได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นข้อมูลบิดเบือนหรือขาดบริบทที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ฟาร์มจำนวนมากในปัจจุบันได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบย้อนกลับได้ และได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากลอย่างเคร่งครัด ทำให้ Pangasius ยังคงเป็นหนึ่งในปลาที่ส่งออกมากที่สุดในโลก และได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าในอุตสาหกรรมอาหารอย่างต่อเนื่อง


บทความที่เกี่ยวข้อง
Turrón (ตูร์รอน)
ทำความรู้จัก Turrón (ตูร์รอน) ขนมนูกัตดั้งเดิมของสเปน
Green Bean Casserole (กรีนบีนแคสเซอโรล)
ทำความรู้จัก Green Bean Casserole เมนูเรียบง่ายที่กลายเป็นสัญลักษณ์ Thanksgiving
Sugar Cookies (ชูการ์คุกกี้)
ทำความรู้จัก Sugar Cookies (ชูการ์คุกกี้) ขนมหวานที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ตั้งแต่สหรัฐอเมริกา ยุโรป จนถึงเอเชีย
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ