แชร์

Soju (โซจู) และ Shochu (โชจู)

ในวัฒนธรรมเกาหลีและญี่ปุ่น การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถือเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมการกินดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่การออกเดต ดังที่เรามักจะเห็นตามในซีรีส์ หรือรายการทีวีต่าง ๆ ทั้งนี้เครื่องดื่มยอดนิยมที่เรามักจะเห็นกันบ่อย ๆ นั่นก็คือ โซจู (Soju) จากประเทศเกาหลีและ โชจู (Shochu) จากประเทศญี่ปุ่น แม้จะมีชื่อที่คล้ายคลึงกันจนหลายคนสับสน แต่เครื่องดื่มทั้งสองชนิดนี้ก็มีประวัติศาสตร์ วัตถุดิบ และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันอย่างน่าสนใจ มาเจาะลึกไปพร้อมกัน!

โซจู (Soju) จากเกาหลี: มรดกแห่งการกลั่นที่ปรับตัวตามยุคสมัยและอิทธิพล K-Pop

โซจู (Soju) เป็นเครื่องดื่มดั้งเดิมของเกาหลีที่มีประวัติยาวนานมาหลายศตวรรษ ต้นกำเนิดที่แท้จริงของโซจูค่อนข้างคลุมเครือ แต่เชื่อกันว่าเครื่องดื่มชนิดนี้เกิดขึ้นระหว่างการรุกรานของมองโกลในศตวรรษที่ 13 ชาวเกาหลีได้รับวัฒนธรรมการกลั่นเหล้ามาจากชาวมองโกล ซึ่งชาวมองโกลก็ได้รับภูมิปัญญาในการกลั่นเหล้ามาจากชาวอิรักอีกที โดยเครื่องดื่มชนิดนี้จะเรียกว่า อารัก (Arak) อันเป็นเครื่องดื่มกลั่นเก่าแก่ของตะวันออกกลางที่แพร่หลายในอดีต

ชาวเกาหลีนำเครื่องดื่มชนิดนี้มาพัฒนาเป็นโซจูในแบบฉบับของตนเอง เดิมทีการผลิตจะใช้ข้าวเป็นหลัก แต่เนื่องจากภาวะสงครามและความขาดแคลนข้าว ทำให้ข้าวเริ่มหายาก จึงได้เปลี่ยนวัตถุดิบมาใช้มันหวาน ข้าวโพด และมันสำปะหลังแทน ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายและมีปริมาณมากในเกาหลี ในอดีตโซจูนิยมดื่มเพื่อคุณสมบัติทางยา โดยเฉพาะในชนชั้นสูง แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มได้รับความนิยมในฐานะเครื่องดื่มเพื่อการสังสรรค์และกลายเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมเกาหลี ที่ขาดไม่ได้ในทุกโอกาส

ในช่วง ราชวงศ์โชซอน (1392-1910) การผลิตโซจูมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยนำกระบวนการกลั่นเข้ามาใช้ในการผลิตอย่างแพร่หลายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การกลั่นแบบดั้งเดิมนี้จะทำในหม้อดินเผาขนาดใหญ่ที่เรียกว่า การาเอะ (Garae) ทำให้ได้เครื่องดื่มที่มีประสิทธิภาพสูง รสชาตินุ่มนวลและหอมหวาน นอกจากนี้การทำโซจูจะต้องเติมจุลินทรีย์ที่เรียกว่า นูรุก (Nuruk) ซึ่งเป็นหัวเชื้อหมักแบบดั้งเดิมของเกาหลี ลงไปด้วย ซึ่งนูรุกนี้เองที่ช่วยสร้างรสชาติและกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของโซจู และเป็นความแตกต่างที่สำคัญจากเครื่องดื่มกลั่นอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ปัจจุบันการผลิตโซจูสมัยใหม่จึงได้เปลี่ยนไปใช้หม้อกลั่นสแตนเลสแทน เพื่อควบคุมคุณภาพและเพิ่มปริมาณการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมาโซจูกลายเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ วัฒนธรรมป๊อปเกาหลี (K-pop) และซีรีส์เกาหลีได้แพร่กระจายไปทั่วโลก ซึ่งเป็นซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ที่ทำให้อาหารและเครื่องดื่มของเกาหลีกลายเป็นที่รู้จักและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ผู้คนจึงอยากลองสัมผัสวัฒนธรรมการดื่มแบบเกาหลีที่เห็นในจอภาพยนตร์

ด้วยเหตุนี้เองโซจูจึงถูกพัฒนาให้มีรสชาติที่ดื่มง่ายมากขึ้น โดยการเติมกลิ่นผลไม้ลงไป เช่น โซจูรสพีช โซจูรสสตรอว์เบอร์รี่ โซจูรสองุ่น โซจูรสโยเกิร์ต และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อตอบสนองต่อรสนิยมของผู้บริโภคในยุคใหม่ที่ชอบความหลากหลายและรสชาติที่นุ่มนวล โดยปกติแล้วโซจูจะนิยมดื่มแบบเพียว ๆ ให้ได้รสชาติเข้มข้น หรือดื่มแบบผสมเบียร์ที่เรียกว่า โซแมก (Somaek) ซึ่งมาจากคำว่า โซจู + แมกจู (เบียร์) ถือเป็นวิธีการดื่มยอดนิยมในการสังสรรค์ของชาวเกาหลี

โชจู (Shochu) จากญี่ปุ่น: ความหลากหลายแห่งวัตถุดิบและการดื่มที่พิถีพิถัน

ในทางกลับกัน โชจู (Shochu) ของญี่ปุ่นก็มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจพอ ๆ กัน โดยต้นกำเนิดของโชจูสามารถย้อนไปถึงศตวรรษที่ 16 กล่าวกันว่าพ่อค้าชาวโปรตุเกสเป็นผู้นำศิลปะการกลั่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาสู่ญี่ปุ่น โดยมีหลักฐานเป็นภาพเขียนสลักบนไม้ในปี ค.ศ. 1559 ในศาลเจ้าในเมืองโอกุชิ จังหวัดคาโกชิมะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการมีอยู่ของเครื่องดื่มกลั่นในญี่ปุ่นแล้วในสมัยนั้น

ในอดีตโชจูถือเป็นเครื่องดื่มล้ำค่า เนื่องจากทำมาจากข้าวและอ้อย ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มีราคาแพงในสมัยนั้น ทำให้เข้าถึงได้เฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น ต่อมาเมื่อมีคนนำมันหวานจากอเมริกาใต้มาปลูกที่เกาะคิวชูในปี ค.ศ. 1705 ชาวญี่ปุ่นจึงเปลี่ยนมาใช้มันหวานในการผลิตแทน ทำให้โชจูมีราคาถูกลงและเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น กลายเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะในแถบเกาะคิวชู

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันก็มีการใช้วัตถุดิบอื่น ๆ มาใช้ร่วมด้วย เพื่อสร้างสรรค์รสชาติที่หลากหลายและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละภูมิภาค เช่น มันเทศ (Imo Shochu) ข้าวบาร์เลย์ (Mugi Shochu) และบัควีท (Soba Shochu) ทำให้โชจูมีรสชาติและรูปแบบที่หลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ การทำโชจูจะแตกต่างจากโซจูของเกาหลีที่ใช้ "นูรุก" คือโชจูจะใช้จุลินทรีย์ที่เรียกว่า โคจิ (Koji) ในการหมัก ซึ่งโคจิเป็นราที่ใช้ในการผลิตสาเกและมิโซะด้วย โคจิมีบทบาทสำคัญในการย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาล ทำให้ได้รสชาติที่ลึกซึ้งและซับซ้อน เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้โชจูมีรสชาติที่แตกต่างกันตามวัตถุดิบหลัก

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาโชจูก็ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั้งในและนอกประเทศ ด้วยรสชาติที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนที่มาจากวัตถุดิบและการหมักด้วยโคจิ อีกทั้งยังพัฒนาให้มีรสชาติที่หลากหลายเช่นเดียวกับโซจู ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ได้มากขึ้น เช่น โชจูยูซุ โชจูลิ้นจี่ และโชจูชาเขียว เป็นต้น ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับเครื่องดื่มชนิดนี้

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างโซจูและโชจู: วัตถุดิบ วัฒนธรรม และวิธีการดื่ม

แม้ว่าโซจูและโชจูจะมีความคล้ายคลึงกันในฐานะเครื่องดื่มกลั่นใสที่มีแอลกอฮอล์สูง และเป็นที่นิยมในเอเชียตะวันออก แต่อย่างไรก็ตามเครื่องดื่มทั้งสองชนิดก็ได้พัฒนาเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันภายในวัฒนธรรมของตนเองอย่างชัดเจน:

วัตถุดิบหลักและหัวเชื้อหมัก

  • โซจู: เดิมใช้ข้าว ปัจจุบันนิยมใช้มันหวาน ข้าวโพด มันสำปะหลัง และใช้ นูรุก (Nuruk) ซึ่งเป็นหัวเชื้อหมักที่ทำจากธัญพืชและมีเชื้อราหลายสายพันธุ์ เป็นหัวเชื้อหลักในการหมัก
  • โชจู: เดิมใช้ข้าวและอ้อย ปัจจุบันนิยมใช้มันเทศ ข้าวบาร์เลย์ บัควีท และใช้ โคจิ (Koji) ซึ่งเป็นรา (Aspergillus oryzae) ที่เพาะบนข้าวหรือธัญพืชอื่น ๆ เป็นหัวเชื้อในการหมัก โดยโคจิจะสร้างเอนไซม์ที่ย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาลก่อนการหมักด้วยยีสต์

วัฒนธรรมการดื่มและบริบททางสังคม:

  • โซจู: ได้ฝังลึกอยู่ในกิจกรรมทางสังคมของเกาหลี มักจะชอบดื่มกันในช่วงเทศกาล งานสังสรรค์ในครอบครัว และการประชุมทางธุรกิจ เป็นเครื่องดื่มที่ดื่มเพื่อสร้างความสนุกสนานและกระชับความสัมพันธ์ สามารถพบได้ทั่วไปตามร้านอาหารริมทาง และนิยมดื่มแบบเพียว ๆ หรือผสมเบียร์ (โซแมก) เพื่อความรวดเร็วและสนุกสนาน
  • โชจู: ได้รับการเลื่องลือว่าเป็นเครื่องดื่มชั้นเลิศ เพื่อลิ้มรสอย่างช้า ๆ และพิถีพิถัน มักจะพบได้ตามอิซากายะ (บาร์ญี่ปุ่น) หรือร้านอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิม เสิร์ฟมาพร้อมกับอาหารแบบดั้งเดิม เน้นการจับคู่กับอาหารให้รสชาติเข้ากันได้ดี ตามปกติแล้วโชจูจะนิยมดื่มแบบเพียว ๆ และดื่มกับน้ำแข็ง แบบ On the rocks เพื่อสัมผัสรสชาติที่แท้จริงของวัตถุดิบและกลิ่นหอมเฉพาะตัว

โซจูและโชจูในเวทีโลก: สัญลักษณ์แห่งวัฒนธรรมการดื่มเอเชีย

ปัจจุบันทั้งโซจูและโชจูได้ก้าวข้ามขอบเขตในประเทศของตัวเองจนได้รับการยอมรับในระดับโลก ซึ่งสะท้อนถึงประเพณี วัฒนธรรม และคุณค่าทางสังคม ที่สืบทอดกันมายาวนานกว่าหลายศตวรรษ อีกทั้งยังสะท้อนถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพราะเครื่องดื่มทั้งสองชนิดนี้ได้รับการพัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับรสนิยมที่เปลี่ยนไป ทำให้เข้าถึงคนยุคใหม่และนักดื่มอีกหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะเลือกจิบโซจูเย็น ๆ ในงานสังสรรค์กับเพื่อนฝูง หรือดื่มด่ำกับโชจูคุณภาพดีพร้อมอาหารญี่ปุ่นแท้ ๆ เครื่องดื่มทั้งสองชนิดนี้ต่างก็เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมการดื่มอันเป็นเอกลักษณ์และน่าสนใจของเอเชียตะวันออก


บทความที่เกี่ยวข้อง
Don Melchor
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Don Melchor (ดอน เมลชอร์) ไวน์ระดับ Grand Cru (กรองด์ ครู) ของชิลี
Amarone
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Amarone (อามาโรเน่) หนึ่งในไวน์แดงชั้นเลิศจากแคว้นเวเนโต (Veneto) ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี
Southern Comfort (เซาเทิร์น คอมฟอร์ท)
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Southern Comfort (เซาเทิร์น คอมฟอร์ท) วิสกี้รสนุ่มนวลเคล้ากลิ่นผลไม้จากนิวออร์ลีนส์
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ