แชร์

Seedless grapes (องุ่นไร้เมล็ด)

นานมาแล้วที่องุ่นไร้เมล็ดเริ่มได้รับความนิยมในกลุ่มคนทั่วโลก แต่น้อยคนนักจะนึกสงสัยว่าทำไมองุ่นไร้เมล็ดถึงเติบโตได้ เพราะตามกลไกทางธรรมชาติแล้ว ผลไม้ถูกกำหนดมาให้กระจายพันธุ์โดยใช้เมล็ดมาตั้งแต่แรก

กำเนิดองุ่นไร้เมล็ด: จากการกลายพันธุ์สู่การพัฒนาสายพันธุ์

กล่าวกันว่าองุ่นไร้เมล็ดถูกค้นพบครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกาในช่วงกลางปี ค.ศ. 1870 โดยวิลเลียม ทอมป์สัน (William Thompson) ชาวไร่ในรัฐแคลิฟอร์เนียที่สังเกตเห็นองุ่นต้นหนึ่งกำลังออกลูกเป็นองุ่นไร้เมล็ด ประจวบกับในช่วงนั้นมนุษย์เราเริ่มมีการใช้ศิลปะอันพิถีพิถันในการปรับปรุงพันธุ์พืช เพื่อให้ได้ลักษณะตามที่ต้องการ ทอมป์สันจึงทดลองขยายพันธุ์องุ่นตามธรรมชาติ โดยใช้วิธีการปักชำ จนประสบความสำเร็จ และได้มาซึ่งองุ่นไร้เมล็ดชนิดแรกของโลก แล้วตั้งชื่อพันธุ์ว่าทอมป์สัน ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในองุ่นไร้เมล็ดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก

แต่ก่อนที่ทอมป์สันจะค้นพบองุ่นไร้เมล็ด เขาสันนิษฐานว่าองุ่นไร้เมล็ดน่าจะเกิดมาจากการกลายพันธุ์เองทางธรรมชาติ เนื่องจากมีการผิดปกติของยีนบางชนิดที่อยู่ในต้นองุ่น จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เมล็ดในองุ่นนั้นหายไป แต่โชคดีที่เขาค้นพบก่อนแล้วนำมาพัฒนา ไม่เช่นนั้นทุกวันนี้เราคงไม่มีองุ่นไร้เมล็ดให้รับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย

การพัฒนาสายพันธุ์และการขยายผลเชิงพาณิชย์

เมื่อเวลาผ่านไปการเพาะปลูกองุ่นไร้เมล็ดเหล่านี้ก็มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปี 1950 จอห์น ไวน์เบอร์เกอร์ (John Weinberger) นักวิจัยพืชสวนของกระทรวงเกษตรสหรัฐ ได้พัฒนา Flame ซึ่งเป็นองุ่นแดงไร้เมล็ดชนิดแรกที่ได้รับความนิยมรองจากทอมป์สัน โดยทีมงานของเขาได้ทดสอบ โดยใช้กล้าไม้มากกว่า 100,000 ต้น ในการผสมข้ามสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน 5 สายพันธุ์ รวมถึงพันธุ์ทอมป์สันไร้เมล็ด ซึ่งกว่าจะได้องุ่นแดงสายพันธุ์ Flame ขึ้นมา ก็เรียกได้ว่าไม่ง่ายเลยทีเดียว

องุ่นไร้เมล็ดมักจะปลูกโดยใช้กระบวนการที่เรียกว่า การบำบัดด้วยกรดจิบเบอเรลลิก (Gibberellic Acid Treatment) ซึ่งสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการใช้ฮอร์โมนพืชที่เรียกว่ากรดจิบเบอเรลลิก (Gibberellic Acid) กับต้นองุ่น ทำให้องุ่นสามารถเติบโตได้โดยไม่มีเมล็ด เทคนิคนี้ใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิตองุ่นไร้เมล็ดเชิงพาณิชย์ เนื่องจากช่วยให้เกษตรกรสามารถปลูกองุ่นไร้เมล็ดได้ในปริมาณมาก

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งขององุ่นไร้เมล็ดคือปลูกได้ง่ายกว่า องุ่นแบบดั้งเดิมที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่มากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคและแมลงศัตรูพืชได้ง่าย ในทางกลับกันองุ่นไร้เมล็ดมีความทนทานต่อปัญหาเหล่านี้มากกว่า ทำให้ปลูกและดูแลรักษาได้ง่าย จึงเป็นที่นิยมในหมู่เกษตรกรและผู้ปลูกองุ่น

ประโยชน์ทางโภชนาการและความหลากหลายของรสชาติ

ทุกวันนี้องุ่นไร้เมล็ดยังคงเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสะดวก ทานง่าย เนื่องจากเราไม่ต้องเสียเวลาคายเมล็ดออก จึงเป็นอาหารว่างที่เหมาะสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องเสี่ยงว่าเมล็ดองุ่นจะเข้าไปติดในลำคอ

ในแง่ของโภชนาการ องุ่นไร้เมล็ดเป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุที่ดี อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเค และโพแทสเซียม ซึ่งมีความสำคัญต่อการรักษาระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย นอกจากนี้องุ่นไร้เมล็ดยังมีแคลอรี่ต่ำ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก

เมื่อพูดถึงรสชาติ องุ่นไร้เมล็ดก็อร่อยพอ ๆ กับองุ่นมีเมล็ดแบบดั้งเดิม มีหลายสีและหลายรสชาติ ตั้งแต่สีเขียว สีแดง ไปจนถึงสีดำ โดยองุ่นไร้เมล็ดสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ สายพันธุ์ทอมป์สันและสายพันธุ์เฟลม ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

โดยทั่วไปองุ่นไร้เมล็ดมักรับประทานเป็นของว่างแบบสด ๆ แต่ก็สามารถนำมาใช้ในสูตรอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสลัดหรือของหวาน เช่น สมูทตี้ หรือนำมาใช้ตกแต่งหน้าขนมอบจำพวก มัฟฟินและเค้ก หรือจะนำมาแปรรูปทำแยมและเยลลี่ก็ได้เช่นกัน

Tags :

บทความที่เกี่ยวข้อง
ศิลปะการแต่งจานอาหาร
The Art of Food Plating ยกระดับการรับประทานอาหารด้วยการนำเสนอที่สร้างสรรค์
ลูกพรุน ลูกพลัม ลูกไหน ต่างกันอย่างไร
ลูกพรุน ลูกพลัม ลูกไหน : เฉลยความจริงว่าผลไม้ทั้ง 3 ชื่อนี้คือชนิดเดียวกัน!
Honey Passion Fruit (ฮันนี่ แพชชั่น ฟรุ๊ท)
ทำความรู้จัก Honey Passion Fruit (ฮันนี่ แพชชั่น ฟรุ๊ท) เสาวรสน้ำผึ้งสายพันธุ์สีเหลือง: ความหวานใหม่จากผลไม้เมืองร้อน
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ