น้อยหน่า
จากอเมริกาสู่เอเชีย น้อยหน่าเดินทางอย่างไร?
น้อยหน่า หรือที่รู้จักในชื่อภาษาอังกฤษว่า Sugar Apple เป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีรสหวานนุ่มละมุน เนื้อสีขาว กลิ่นหอมเฉพาะตัว พร้อมเปลือกเขียวขรุขระเป็นเอกลักษณ์ น้อยหน่าเป็นที่รู้จักและนิยมรับประทานในประเทศไทยมานาน จนแทบลืมไปว่าแท้จริงแล้ว ผลไม้ชนิดนี้ไม่ได้มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่นี่
ต้นกำเนิดของน้อยหน่าคือแถบอเมริกากลางและใต้ รวมถึงทะเลแคริบเบียน โดยปลูกได้ดีในพื้นที่อากาศอบอุ่นและแห้งแล้ง มีการคาดว่าในช่วงศตวรรษที่ 1617 ชาวโปรตุเกสได้นำน้อยหน่ามายังเอเชียและประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยในสมัยอยุธยา
การเติบโตของน้อยหน่าในประเทศไทย และความผูกพันในวิถีชีวิตไทย
น้อยหน่าถูกนำเข้ามาในช่วงที่ชาวโปรตุเกสเข้ามาติดต่อค้าขายกับกรุงศรีอยุธยา พร้อมพืชอีกหลายชนิด เช่น สับปะรด มะละกอ และข้าวโพด โดยคำว่า น้อยหน่า อาจมีที่มาจากคำว่า anona ในภาษาโปรตุเกส ซึ่งหมายถึงผลไม้ในตระกูลเดียวกัน
ผลไม้ชนิดนี้กลายเป็นที่นิยมในไทย เพราะปลูกง่าย ให้ผลดี แม้ในพื้นที่แล้ง โดยเฉพาะในช่วงเดือนกรกฎาคมสิงหาคม และหากมีการดูแลที่เหมาะสม น้อยหน่าสามารถออกผลได้ตลอดทั้งปี
สายพันธุ์หลักและการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ในไทย
ในไทย น้อยหน่ามี 2 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ น้อยหน่าฝ้าย และ น้อยหน่าหนัง
- น้อยหน่าฝ้าย: เนื้อยุ่ยนุ่ม มีทั้งเปลือกเขียวและครั่ง (สีม่วงแดง)
- น้อยหน่าหนัง: มีที่มาจากเมืองดานัง เวียดนาม เนื้อแน่น เมล็ดน้อย เปลือกล่อนง่าย
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาสายพันธุ์ลูกผสม เช่น น้อยหน่าเพชรปากช่อง ที่ผสมกับเชริมัวย่า ให้ผลใหญ่ หวาน เมล็ดน้อย และเก็บได้นาน
คุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยา
น้อยหน่าอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินบี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมงกานีส นอกจากรสชาติหวานหอม ยังช่วยบำรุงร่างกาย และมีสารต้านอนุมูลอิสระ
ทุกส่วนของต้นน้อยหน่ายังมีสรรพคุณทางยา:
- เมล็ดบดใช้กำจัดเหา
- ใบใช้ไล่แมลงศัตรูพืช
- รากช่วยล้างพิษและขับถ่าย
- เปลือกและเนื้อใช้รักษาแผลไฟไหม้ และฝีในลำคอ
จากผลไม้ต่างแดน สู่มรดกผลไม้ไทย
แม้จะมีต้นกำเนิดไกลจากเมืองไทย แต่น้อยหน่ากลับกลายเป็นผลไม้ที่ผูกพันกับผู้คนในทุกภูมิภาค ไม่เพียงแต่ให้รสชาติสดชื่นในหน้าร้อน แต่ยังเป็นแหล่งสารอาหารสำคัญ และสมุนไพรใกล้ตัวที่คนไทยรู้จักกันมานาน
สามารถเลือกซื้อผลไม้สดใหม่ได้ทุกฤดูกาลที่ริมปิงทุกสาขานะคะ