แชร์

Sesame Oil (น้ำมันงา)

รู้หรือไม่ว่า งา (Sesame) คือพืชชนิดแรกของโลกที่ถูกนำมาสกัดทำเป็นน้ำมัน เมื่อราว ๆ 5,000 ปี ก่อนคริสตกาล

นักโบราณคดีค้นพบเมล็ดงาที่เก่าแก่ที่สุดในลุ่มแม่น้ำสินธุ ซึ่งปัจจุบันคือประเทศปากีสถานและอินเดีย ก่อนจะถูกนำข้ามไปยังเมโสโปเตเมีย และประเทศจีนเมื่อราว ๆ ปี ค.ศ. 220 ซึ่งในช่วงปีดังกล่าวนั้นตรงกับยุคสมัยสามก๊ก โดยในสมัยนั้นชาวจีนจะนิยมใช้น้ำมันงาเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟ และสกัดน้ำมันงาโดยใช้ครกหินหรือไม้กด เพื่อให้งาแตกตัวออกเป็นน้ำมัน

เส้นทางน้ำมันงา: จากเชื้อเพลิงสู่เครื่องปรุงรสในตำราจีนโบราณ

ในยุคสามก๊ก น้ำมันงาถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในกองทัพ ก่อนที่ภายหลังจะถูกนำมาใช้ในวัฒนธรรมการทำอาหารเป็นครั้งแรก ตามที่ถูกกล่าวถึงในหนังสือที่เก่าแก่ที่สุดเล่มหนึ่งของจีนชื่อ Bei Tang Shu Chao เมื่อประมาณ 1,600 ปีที่แล้ว ในหนังสือเล่มนี้กล่าวว่าน้ำมันงา เป็นหนึ่งในส่วนผสมของการทำซอสถั่วดำ ก่อนที่จะถูกนำมาปรุงอาหารกันอย่างแพร่หลาย จนกลายเป็นน้ำมันชั้นดีที่เป็นที่ต้องการอย่างมากของผู้คนหลากหลายชนชั้น

ชาวจีนโบราณนิยมใช้น้ำมันงาในการปรุงอาหาร เพราะเชื่อว่าน้ำมันงามีสรรพคุณในการรักษาโรคและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายที่ช่วยในการย่อยอาหารและลดการอักเสบ นอกจากนี้น้ำมันงายังถูกนำมาใช้เป็นน้ำมันนวดตัว เพราะเชื่อกันว่ามีคุณสมบัติในการรักษาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และไม่เพียงเท่านี้น้ำมันงายังนิยมใช้ในเครื่องสำอางและเป็นฐานสำหรับการทำน้ำหอมอีกด้วย ซึ่งมีเรื่องเล่าอีกว่าก่อนที่ชาวจีนจะรู้จักน้ำมันงา คลีโอพัตราราชินีอียิปต์ใช้น้ำมันงา เพื่อบำรุงผิวพรรณให้ดูอ่อนเยาว์และเปล่งปลั่ง เนื่องจากเชื่อว่าน้ำมันงามีคุณสมบัติต่อต้านริ้วรอย

น้ำมันงาในครัวโลก: สุขภาพและความงามจาก "ราชินีแห่งน้ำมันธัญพืช"

ปัจจุบันการใช้น้ำมันงาได้แพร่หลายไปทั่วเอเชีย จนกลายมาเป็นน้ำมันปรุงอาหารที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน อินเดีย และประเทศไทย โดยมักใช้เป็นเครื่องปรุงหรือน้ำมันสำหรับตกแต่งเติมลงในอาหารก่อนเสิร์ฟ เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นเมนูผัด ซุป สตูว์ น้ำสลัด หรือซอสหมักต่าง ๆ

ทุกวันนี้ น้ำมันงายังคงเป็นส่วนผสมที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มคนรักสุขภาพ เพราะน้ำมันงาถือเป็นกลุ่มไขมันที่ดีและมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ประกอบด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน และกรดไขมันไม่อิ่มตัวอื่น ๆ อีกหลายชนิด ดังนั้นการบริโภคน้ำมันงาเป็นประจำจะช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินในร่างกาย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก

นอกจากนี้น้ำมันงายังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว คงความมีชีวิตชีวา และป้องกันริ้วรอย เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินที่สำคัญคือวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินเค และวิตามินอี ซึ่งวิตามินเหล่านี้สามารถป้องกันสารอันตรายที่ทำลายเซลล์ผิว ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ป้องกันผิวแตกลายสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแห้งกร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสุขภาพดี และการสกัดเม็ดสีจากงาดำยังทำให้เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดี มีสีเข้มขึ้น นุ่มขึ้น และนำความเงางามมาสู่เส้นผม ด้วยสรรพคุณทั้งหลายเหล่านี้ น้ำมันงาจึงถูกขนานนามว่าเป็น ราชินีแห่งน้ำมันธัญพืช นั่นเองค่ะ

Tags :

บทความที่เกี่ยวข้อง
Aussie Burger With The Lot (ออสซี่เบอร์เกอร์ วิธ เดอะ ล็อต)
ทำความรู้จัก Aussie Burger With The Lot (ออสซี่เบอร์เกอร์ วิธ เดอะ ล็อต) แฮมเบอร์เกอร์เครื่องแน่นสไตล์ออสเตรเลีย
Sausage Sizzle (ซอสเซจ ซิซเซิล)
ทำความรู้จัก Sausage Sizzle (ซอสเซจ ซิซเซิล) กิจกรรมย่างไส้กรอก เพื่อการกุศลของชาวออสเตรเลีย
 Australian Beef (เนื้อวัวออสเตรเลีย)
ประวัติ Australian Beef (เนื้อวัวออสเตรเลีย) หนึ่งในสินค้าส่งออกที่สำคัญที่สุดของประเทศออสเตรเลีย
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ