แชร์

Molasse (โมลาส)

Molasse (โมลาส) เป็นกากน้ำตาลที่มีลักษณะเหลวข้นหนืด มีสีดำอมน้ำตาล เป็นผลพลอยได้ที่มาจากกระบวนการผลิตน้ำตาลทราย โดยมีอ้อยเป็นวัตถุดิบ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมานานหลายศตวรรษ

ต้นกำเนิดของโมลาส: จากอินเดียโบราณ สู่ยุคอาณานิคมอเมริกา

ต้นกำเนิดของ Molasse มีมาตั้งแต่ยุคสมัยของอินเดียโบราณ เนื่องจากในขณะนั้นอินเดียเป็นภูมิภาคแรก ๆ ที่มีการปลูกอ้อย เพื่อทำน้ำตาลทราย อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากนั้นกระบวนการผลิตนี้ก็เริ่มแพร่กระจายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก ทั่วทั้งเอเชียและตะวันออกกลาง ก่อนจะขยายไปสู่ยุโรปและอเมริกาในที่สุด

ต่อมาการผลิตน้ำตาล ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังในช่วงยุคที่ประเทศในยุโรปเริ่มเข้าไปสร้างอาณานิคมในอเมริกา แต่ในขณะนั้นชาวอเมริกันจะนิยมใช้กากน้ำตาลกันมากกว่า เนื่องจากน้ำตาลทรายมีราคาแพง กากน้ำตาลจึงเป็นสารให้ความหวานที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย เพื่อปรุงรสในอาหารแทบจะทุกชนิด

ในช่วงปี 1700 ชาวทะเลแคริบเบียนในแถบอเมริกากลางนำกากน้ำตาลมาหมักและกลั่นทำเป็นเหล้ารัม (Rum) ซึ่งเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นที่ชื่นชอบของเหล่ากะลาสีเรือและโจรสลัด ทำให้ในช่วงนี้กลายเป็นยุคทองของของกากน้ำตาลบนแผ่นดินอเมริกาเรื่อยมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งในเวลาต่อมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง ราคาน้ำตาลทรายกลับลดลงเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาใช้น้ำตาลทรายแทนกากน้ำตาล และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมน้ำตาลถึงกลายเป็นสารให้ความหวานที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน

ประเภทของโมลาสและคุณค่าทางโภชนาการ

กล่าวก็คือกากน้ำตาลเป็นผลพลอยได้ที่มาจากการผลิตน้ำตาล ส่วนเหล้ารัมก็เป็นผลพลอยได้ที่มาจากกากน้ำตาลอีกที เรียกได้ว่าเป็นการใช้วัตถุดิบที่คุ้มค่ามากเลยทีเดียว ซึ่งกระบวนการผลิตกากน้ำตาล อ้อยจะถูกนำมาต้มให้เดือด จนตกผลึกเป็นเกล็ดน้ำตาล ก่อนที่กากน้ำตาลจะถูกแยกออกมา โดยวิธีการปั่น ซึ่งกระบวนการปั่นนี้จะทำซ้ำกันหลายรอบ ในแต่ละรอบจะได้กากน้ำตาลที่แตกต่างกันออกมา ดังนี้

  • Light Molasses (ไลท์โมลาส): เกิดจากการสกัดน้ำตาลครั้งแรก กากน้ำตาลจึงมีสีอ่อน รสหวาน เพราะยังมีน้ำตาลเป็นส่วนผสมอยู่มาก นิยมนำไปทำขนม
  • Dark Molasses (ดาร์กโมลาส): เกิดจากการสกัดครั้งที่สอง กากน้ำตาลจึงมีความหวานน้อยลง สีเข้มและมีความหนืดมากขึ้น นิยมใช้ทำขนม ซอสบาร์บีคิว และใช้แต่งสีอาหาร
  • Blackstrap Molasses (แบล็กสแตรปโมลาส): เกิดจากการสกัดครั้งที่ 3 กากน้ำตาลจะมีรสชาติหวานน้อย ติดขม สีดำเข้มและข้นมากที่สุด แต่นี่คือกากน้ำตาลที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูงที่สุด มีทั้งวิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระ นิยมใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ซีอิ๊ว ซอสบาบีคิว และอาหารสัตว์

คุณค่าด้านโภชนาการของกากน้ำตาล (Molasse)

กากน้ำตาลช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก เนื่องจากมีแคลเซียมและโพแทสเซียมสูง ช่วยลดความดันโลหิต จากการทดลองในสัตว์ กากน้ำตาลช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL) ในร่างกาย ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ นอกจากนี้กากน้ำตาลดำ (Blackstrap Molasses) ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่กว่าน้ำผึ้งและสารให้ความหวานอื่น ๆ อีกด้วย

ประโยชน์ของกากน้ำตาล (Molasse) ในด้านอุตสาหกรรม

นอกจากที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ประโยชน์ของกากน้ำตาลยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะปัจจุบันการผลิตแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่ในบ้านเราก็ใช้กากน้ำตาลในการผลิตด้วยเช่นกัน โดยนำกากน้ำตาลมาเจือจางด้วยน้ำ แล้วหมักด้วยยีสต์ เพื่อเปลี่ยนน้ำตาลให้กลายเป็นแอลกอฮอล์ หลังจากนั้นนำมาสกัดแยกออกอีกที ก็จะได้แอลกอฮอล์ที่มีความบริสุทธิ์ประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์

และนอกจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว กากน้ำตาลยังสามารถนำไปทำประโยชน์ได้อีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น อาหารสัตว์ เอทานอล ใช้ในการผลิตไฟฟ้าชีวมวล ทำเป็นปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพบำรุงดิน ในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น การผลิตผงชูรส น้ำส้มสายชู ซีอิ๊วดำ ยีสต์สำหรับทำแป้งขนมปัง หรือแม้แต่ใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนมอบ คุกกี้ และอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย

สามารถหาซื้อกากน้ำตาล (Molasse) ได้ที่ริมปิงทุกสาขานะคะ

Tags :

บทความที่เกี่ยวข้อง
Bone marrow (ไขกระดูก)
Bone marrow (ไขกระดูก) อาหารของมนุษย์ยุคหิน... กลายมาเป็นอาหารอันโอชะในยุคปัจจุบันได้อย่างไร?
Butter of gods (เนยไขกระดูก)
If God made butter it would taste exactly like bone marrow. - Anthony Bourdain
Purple Cauliflower (กะหล่ำดอกสีม่วง)
Purple Cauliflower (กะหล่ำดอกสีม่วง) และกะหล่ำดอกสีขาว: ไม่ได้ต่างกันแค่สี แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่ต่างกันอีกด้วย
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ