Crab sticks (ปูอัด)

หลายคนคงสงสัยกันอยู่ใช่ไหมคะว่าถ้าปูอัดไม่ได้ทำมาจากเนื้อปูแล้วทำมาจากอะไร เพราะทุกครั้งที่ทานปูอัดแสนอร่อยรสชาติกลับไม่ค่อยเหมือนเนื้อปูสักเท่าไหร่ แต่ทว่าก็อร่อยจนหยุดทานไม่ได้เลยจริง ๆ ทั้งนี้ความจริงแล้วปูอัดทำมาจากปลาเนื้อขาว ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศญี่ปุ่น ในญี่ปุ่นจะเรียกว่าปลาประเภทนี้ว่าซูริมิ (Surimi)

จุดกำเนิดของ คานิคามะ (Kanikama)

เรื่องราวของการทำปูอัดต้องย้อนกลับไปในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 เมื่อบริษัทญี่ปุ่นในเมืองฮิโรชิมะชื่อ Osaki Suisan ได้พัฒนาวิธีการแปรรูปซูริมิหรือปลาเนื้อขาว เช่น ปลาทรายแดง ปลาอลาสก้าพอลล็อค ปลากระพง ปลาตาโต และปลาดาบ ให้เป็นเนื้อปูเทียมที่มีเนื้อสัมผัสและรสชาติคล้ายกับเนื้อปูจริง ๆ เพื่อเลียนแบบเนื้อปูอลาสก้า ซึ่งเป็นปูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

แนวคิดนี้เกิดขึ้นมา เพราะว่าเนื้อปูแท้ ๆ มีราคาแพงมาก อีกทั้งเวลาที่ชาวประมงจับปลามา มักจะมีปลาเนื้อขาวขนาดเล็กติดอวนมาด้วย แต่ปลาขนาดเล็กเหล่านี้เป็นปลาที่มีขนาดไม่ได้มาตรฐานตามท้องตลาด ทำให้ขายได้ในราคาถูก บริษัทแห่งนี้จึงเกิดไอเดีย ทำเนื้อปูเทียมขึ้นมา เพราะเห็นว่าปลาตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ก็มีคุณค่าทางโภชนาการเช่นเดียวกัน จึงนำเนื้อปลามาบด ผสมแป้ง แล้วปรุงแต่งให้มีรสชาติและกลิ่นคล้ายกับเนื้อปูจริง ๆ จากนั้นนำมาอัดแท่ง แต่งสีส้มให้เหมือนกับขาปูอลาสก้า แล้วตั้งชื่อว่า คานิคามะ (カニカマ) ซึ่งแปลว่า ปูอัด ในภาษาญี่ปุ่น แต่ในตลาดต่างประเทศจะใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Crab sticks

จากฮิโรชิมะ สู่ความนิยมทั่วโลก

การผลิตคานิคามะเป็นความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมอาหารทะเล เนื่องจากก่อนการนำเนื้อปลามาแปรรูป เนื้อปูถือเป็นสินค้าที่มีราคาแพงและไม่สามารถหาซื้อได้ง่าย อย่างไรก็ตามการเข้ามาสู่ยุคของคานิคามะ จึงทำให้ผู้บริโภคสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติของเนื้อปูได้ในราคาที่เอื้อมถึง

ในเวลาต่อมาความนิยมของคานิคามะจึงแพร่กระจายและกลายเป็นอาหารหลักในประเทศญี่ปุ่นไปอย่างรวดเร็ว และนอกจากนี้ยังได้รับการแนะนำไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ในเอเชีย เช่น เกาหลี จีน ไต้หวัน และประเทศไทยเราเองก็เช่นกัน ซึ่งประเทศไทยเราก็จะเรียกคานิคามะว่า ปูอัด นั่นเองค่ะ

ต่อมาในปี 1980 คานิคามะได้รับส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยวางตลาดในชื่อ Crab Stick หรือ Imitation Crab ซึ่งหลังจากเข้าสู่ตลาดได้ไม่นาน คานิคามะก็ประสบความสำเร็จในทันที และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคานิคามะก็กลายเป็นสินค้าประจำในซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารทั่วไปทั้งในยุโรปและอเมริกา

การนำไปใช้และคุณค่าทางโภชนาการของปูอัด

หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้คานิคามะประสบความสำเร็จคือการนำไปปรุงอาหารได้หลากหลาย สามารถทานได้หลายรูปแบบ เช่น ทานคู่กับสลัด ซูชิ แซนด์วิช นำไปทอด หรือจะทานแบบสด ๆ นำไปจิ้มกับวาซาบิและซอสพอนสึแบบญี่ปุ่นก็อร่อยมาก ๆ เลยค่ะ ด้วยความที่ทำมาจากเนื้อปลาบดปรุงรส นำไปนึ่งให้สุก แล้วแช่แข็งเพื่อรักษาคุณภาพของเนื้อปลา ดังนั้นเราจึงสามารถทานปูอัดได้ในทันที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการปรุงสุกใด ๆ

แม้หลายคนจะรู้สึกว่าคานิคามะเป็นอาหารเทียม ที่เหมือนจะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ แต่จริง ๆ แล้วคานิคามะก็ถือว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ได้มาจากปลาเนื้อขาว ที่มีทั้งมีกรดไขมันจำเป็นอย่าง โอเมก้า-3 วิตามิน B2 ซึ่งร่างกายต้องการใช้ในการเผาผลาญโปรตีน ไขมัน และ คาร์โบไฮเดรต ทั้งยังมีวิตามิน D ที่กระดูกจำเป็นต้องใช้ในการสะสมแคลเซียม นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก สังกะสี ไอโอดีน และแมกนีเซียมด้วยค่ะ

เมื่อเปรียบเทียบคุณค่าทางโภชนาการของคานิคามะกับก้ามปูอลาก้า (Alaska king crab) จะเห็นได้ว่าคานิคามะมีไขมัน คอเลสเตอรอล และเกลือน้อยกว่าก้ามปูอลาก้า ส่วนปริมาณฟอสฟอรัสในคานิคามะมีปริมาณเทียบเท่ากับก้ามปูอลาก้า ส่วนคุณค่าทางโภชนาการอื่น ๆ ถึงแม้จะด้อยกว่าแต่ก็ยังถือได้ว่าคานิคามะเป็นอาหารที่มีประโยชน์อยู่ไม่น้อยเพราะใช้ส่วนประกอบหลักเป็นปลาเนื้อขาวนั่นเองค่ะ

ท้ายที่สุดประวัติและความเป็นมาของคานิคามะก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่ามนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อตอบสนองในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำมาจากเนื้อปูแท้ ๆ แต่คานิคามะก็กลายเป็นผลิตภัณฑ์อาหารทะเลอันเป็นที่รักของผู้คนนับล้านคนทั่วโลกไปแล้ว

สามารถหาซื้อ Crab sticks (ปูอัด) หรือ คานิคามะ (カニカマ) ได้ที่ริมปิงทุกสาขานะคะ