Seolleongtang (ซอลลองทัง, 설렁탕)
Seolleongtang (ซอลลองทัง, 설렁탕) เป็นซุปกระดูกวัวแบบดั้งเดิมของเกาหลี น้ำซุปมีลักษณะเป็นสีขาวขุ่นคล้ายน้ำนม ซึ่งได้จากการเคี่ยวกระดูกวัวเป็นเวลานานหลายชั่วโมง จนได้น้ำซุปที่เข้มข้น และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นิยมเสิร์ฟพร้อมข้าวสวย เส้นหมี่ และเนื้อวัวตุ๋นที่หั่นเป็นแผ่นบาง ๆ
นอกจากนี้รูปแบบการเสิร์ฟก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน Seolleongtang ในปัจจุบันมักจะเสิร์ฟพร้อมข้าวสวย กิมจิ กุ้งเค็ม หอมหัวใหญ่หั่น และเครื่องปรุงต่าง ๆ เพื่อให้ผู้รับประทานสามารถปรุงรสชาติได้ตามความชอบ
ในศตวรรษที่ 21 Seolleongtang ได้แพร่หลายไปยังประเทศต่าง ๆ ตามกระแสความนิยมของอาหารเกาหลี ร้านอาหารเกาหลีทั่วโลกต่างก็มี Seolleongtang เป็นเมนูหลัก และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าต่างชาติ
นักโภชนาการสมัยใหม่ชี้ให้เห็นว่า Seolleongtang มีกรดอะมิโนครบถ้วน โดยเฉพาะ Glycine และ Proline ซึ่งมีประโยชน์ต่อกระดูก และข้อต่อ ดังนั้นการรับประทาน Seolleongtang เป็นประจำจึงอาจช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน และปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อได้
ปัจจุบัน Seolleongtang ไม่ได้เป็นเพียงแค่อาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของอัตลักษณ์ความเป็นเกาหลี การรับประทาน Seolleongtang เปรียบเสมือนการเชื่อมโยงกับรากเหง้า และประเพณีดั้งเดิม โดยเฉพาะในยุคที่วัฒนธรรมเกาหลีได้รับความนิยมไปทั่วโลก
ความหมายของชื่อ Seolleongtang
ชื่อ Seolleongtang มาจากคำว่า 설 (ซอล) ซึ่งเป็นคำเกาหลีโบราณที่แปลว่า หิมะ สะท้อนถึงลักษณะของซุปที่มีสีขาวขุ่นคล้ายหิมะ และคำว่า 탕 (ทัง) หมายถึง ซุป หรือ น้ำซุป ดังนั้นชื่อของอาหารเมนูนี้จึงมีความหมายว่า ซุปสีขาวคล้ายหิมะต้นกำเนิดจากพิธีกรรมในสมัยราชวงศ์โชซอน
ต้นกำเนิดของ Seolleongtang มีเรื่องเล่าอยู่หลายทฤษฎี แต่ทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายมีความเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมทางศาสนาในสมัยราชวงศ์โชซอน ซึ่งในยุคนั้นชาวเกาหลีจะจัดพิธีบูชาบรรพบุรุษ และเทพเจ้าแห่งการเกษตรเป็นประจำทุกปี พิธีกรรมนี้เรียกว่า Seonnongje (ซอนนงเจ)พิธีกรรม Seonnongje และ Seonnongdan
สถานที่จัดพิธีกรรมนี้เรียกว่า Seonnongdan (ซอนนงดาน) ซึ่งมีประวัติย้อนกลับไปถึงสมัยอาณาจักรชิลลา ตั้งอยู่ที่โพเจวอน ใกล้กับที่ตั้งของมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลในปัจจุบัน ที่นี่กษัตริย์ Seongjong (ซองจง) แห่งราชวงศ์โชซอนทรงเข้าร่วมพิธีด้วยพระองค์เอง และทรงรับประทานอาหารร่วมกับประชาชนการคิดค้นซุปเพื่อเลี้ยงคนจำนวนมาก
เพื่อเพิ่มปริมาณอาหารในราชอาณาจักร พระองค์จึงมีพระราชดำริให้คิดค้นอาหารที่สามารถเลี้ยงคนจำนวนมากได้ด้วยวัตถุดิบที่จำกัด ในพิธีกรรมดังกล่าวจึงมีการนำหมู และวัวมาเป็นเครื่องบูชา หลังจากเสร็จสิ้นพิธี เนื้อวัวจะถูกนำมาปรุงเป็นซุป ส่วนเนื้อหมูจะเสิร์ฟเป็นเนื้อย่าง โดยอาหารเหล่านี้จะถูกปรุงในหม้อขนาดใหญ่เพื่อเลี้ยงผู้คนจำนวนมาก โดยซุปเนื้อวัวที่เสิร์ฟในพิธีกรรมนี้เรียกว่า Seonnongtang (ซอนนงทัง) ก่อนจะเปลี่ยน หรือเพี้ยนมาเป็น Seolleongtang ในปัจจุบันวิธีการปรุง Seolleongtang แบบดั้งเดิม
การปรุง Seolleongtang แบบดั้งเดิมต้องใช้เวลา และความอดทน โดยจะนำกระดูกวัว เท้า หัว อวัยวะต่าง ๆ เนื้อสันหน้า และเนื้อขา มาต้มเป็นเวลานานตั้งแต่ 10-24 ชั่วโมง เพื่อให้คอลลาเจน และไขมันจากกระดูกละลายออกมาจนน้ำซุปมีสีขาวขุ่นคล้ายน้ำนมคุณค่าทางโภชนาการของการเคี่ยวยาวนาน
การเคี่ยวเป็นเวลานานไม่เพียงแต่สร้างสีสัน และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ยังช่วยสกัดสารอาหารที่เป็นประโยชน์จากกระดูกออกมาให้ได้มากที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้คือซุปที่มีโปรตีน และแคลเซียมสูง รวมถึงมีคุณค่าทางโภชนาการมากมายอิทธิพลต่อวัฒนธรรมอาหารเกาหลี
Seolleongtang มีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาวัฒนธรรมอาหารเกาหลี การใช้กระดูกเป็นฐานในการทำซุปได้กลายเป็นเทคนิคการปรุงอาหารที่สำคัญ นำไปสู่การพัฒนาซุปกระดูกชนิดอื่น ๆ เช่น Gomtang และ Samgyetangปรัชญาการใช้วัตถุดิบทุกส่วนของสัตว์
หลักการของการใช้ประโยชน์จากทุกส่วนของสัตว์ที่ปรากฏใน Seolleongtang ยังส่งผลต่อปรัชญาการปรุงอาหารเกาหลีโดยรวม ทำให้เกิดอาหารอีกหลายชนิดที่เน้นการใช้ส่วนต่าง ๆ ของสัตว์ที่มักถูกมองข้ามมาปรุงเป็นเมนูอาหารการพัฒนา Seolleongtang สู่ระดับการค้า
เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 Seolleongtang ก็เริ่มพัฒนาสู่ระดับการค้า มีร้านอาหารเฉพาะทางเปิดขึ้นในกรุงโซล และได้รับความนิยมจากคนทุกชนชั้น ด้วยความเรียบง่าย และรสชาติที่เข้าถึงได้ง่ายทำให้ Seolleongtang กลายเป็นสัญลักษณ์ของอาหารบ้าน ๆ ของเกาหลีคุณค่าทางโภชนาการและการแพทย์แผนเกาหลี
นอกจากเป็นซุปที่อร่อยแล้ว Seolleongtang ยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่โดดเด่น โดยเฉพาะในด้านโปรตีน แคลเซียม และคอลลาเจน การเคี่ยวกระดูกเป็นเวลานานช่วยให้แร่ธาตุ และสารอาหารที่สำคัญต่าง ๆ ละลายออกมาในน้ำซุป ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่ายSeolleongtang ในการแพทย์แผนเกาหลี
ในทางการแพทย์แผนเกาหลี Seolleongtang ถือเป็นอาหารที่มีคุณสมบัติช่วยเสริมสร้างพลังงานให้กับร่างกาย จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วย หรือผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง ว่ากันว่าการรับประทาน Seolleongtang เป็นประจำจะช่วยบำรุงกระดูก และฟื้นฟูสุขภาพการปรับปรุงคุณภาพและวิธีการเสิร์ฟ
ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 Seolleongtang เริ่มได้รับการพัฒนา และปรับปรุงในหลายด้าน ร้านอาหารเฉพาะทางได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพของกระดูก และระยะเวลาในการเคี่ยวมากขึ้น บางแห่งใช้เวลาเคี่ยวถึง 24 ชั่วโมง เพื่อให้ได้น้ำซุปที่มีรสชาติเข้มข้น และมีสีขาวขุ่นสวยงามการเสิร์ฟ Seolleongtang ในปัจจุบัน
นอกจากนี้รูปแบบการเสิร์ฟก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน Seolleongtang ในปัจจุบันมักจะเสิร์ฟพร้อมข้าวสวย กิมจิ กุ้งเค็ม หอมหัวใหญ่หั่น และเครื่องปรุงต่าง ๆ เพื่อให้ผู้รับประทานสามารถปรุงรสชาติได้ตามความชอบ
ในศตวรรษที่ 21 Seolleongtang ได้แพร่หลายไปยังประเทศต่าง ๆ ตามกระแสความนิยมของอาหารเกาหลี ร้านอาหารเกาหลีทั่วโลกต่างก็มี Seolleongtang เป็นเมนูหลัก และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าต่างชาติ
Seolleongtang อาหารสุขภาพในยุคใหม่
ในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น Seolleongtang ได้รับการยกย่องให้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และไม่มีสารปรุงแต่งเจือปน อีกทั้งยังย่อยง่าย และอ่อนโยนต่อกระเพาะอาหาร จึงเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ และเด็กนักโภชนาการสมัยใหม่ชี้ให้เห็นว่า Seolleongtang มีกรดอะมิโนครบถ้วน โดยเฉพาะ Glycine และ Proline ซึ่งมีประโยชน์ต่อกระดูก และข้อต่อ ดังนั้นการรับประทาน Seolleongtang เป็นประจำจึงอาจช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน และปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อได้
ปัจจุบัน Seolleongtang ไม่ได้เป็นเพียงแค่อาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของอัตลักษณ์ความเป็นเกาหลี การรับประทาน Seolleongtang เปรียบเสมือนการเชื่อมโยงกับรากเหง้า และประเพณีดั้งเดิม โดยเฉพาะในยุคที่วัฒนธรรมเกาหลีได้รับความนิยมไปทั่วโลก
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง
ทำความรู้จัก Japchae (จับแช, 잡채) อาหารที่มีประวัติศาสตร์ และความสำคัญในวัฒนธรรมเกาหลีมาอย่างยาวนาน
ทำความรู้จัก Nagashi Somen (นากาชิโซเม็ง) วัฒนธรรมการรับประทานอาหารดับร้อนที่มีความสนุกสนาน