แชร์

California Raisin (ลูกเกดแคลิฟอร์เนี)

อัพเดทล่าสุด: 11 พ.ย. 2025

จุดเริ่มต้นของลูกเกดคุณภาพระดับโลก

California Raisins หรือลูกเกดแคลิฟอร์เนียเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก โดยได้รับการยกย่องว่าเป็นลูกเกดที่มีคุณภาพสูงที่สุดในโลก ด้วยคุณสมบัติเด่นคือ รสชาติหวานธรรมชาติ เนื้อแน่น และสีสม่ำเสมอสวยงาม

ประวัติความเป็นมาของอุตสาหกรรมลูกเกดแคลิฟอร์เนีย

อุตสาหกรรมลูกเกดของรัฐแคลิฟอร์เนียเริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยมีศูนย์กลางอยู่ในหุบเขา San Joaquin ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกองุ่นที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา

จุดกำเนิดจาก คลื่นความร้อน ในปี ค.ศ. 1873

ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ เล่าว่าในปี ค.ศ. 1873 ได้เกิดคลื่นความร้อนอย่างรุนแรงก่อนฤดูเก็บเกี่ยว ทำให้องุ่นบนเถาแห้งไปตามธรรมชาติ กลายเป็นลูกเกดโดยไม่ตั้งใจ เมื่อเกษตรกรนำองุ่นแห้งเหล่านี้ไปขายในตลาด กลับได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จากนั้นพวกเขาจึงเริ่มตระหนักถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจของการผลิตลูกเกดในภูมิภาคนี้

William Thompson และพันธุ์องุ่น Thompson Seedless

ไม่นานหลังจากนั้น William Thompson เกษตรกร และนักเพาะพันธุ์องุ่นชาวอังกฤษ ก็ได้นำพันธุ์องุ่นไร้เมล็ดที่มีเปลือกบาง รสหวาน และเนื้อแน่น เข้ามาปลูกในสหรัฐอเมริกา พันธุ์นี้ถูกเรียกว่า Thompson Seedless และกลายเป็นพันธุ์หลักที่ใช้ในการผลิตลูกเกดในแคลิฟอร์เนียจนถึงปัจจุบัน

ภูมิอากาศและดินที่สมบูรณ์ของ San Joaquin Valley

สภาพภูมิอากาศ และดินที่เป็นเอกลักษณ์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ทำให้ที่นี่กลายเป็นพื้นที่เพาะปลูกองุ่นเพื่อการทำลูกเกดที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะในหุบเขา San Joaquin ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่ที่ทอดยาวจากเมือง Sacramento ไปจนถึง Bakersfield

ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนและบทบาทของแสงแดด

ภูมิอากาศของหุบเขา San Joaquin เป็นแบบเมดิเตอร์เรเนียน มีลักษณะเฉพาะคือฤดูร้อนที่ร้อน และแห้ง สลับกับฤดูหนาวที่อบอุ่น และมีฝนตกเล็กน้อย ลักษณะภูมิอากาศเช่นนี้ช่วยให้องุ่นสามารถสุกอย่างช้า ๆ จนพัฒนารสชาติได้เข้มข้น และซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

ปฏิกิริยา Maillard และเอกลักษณ์ของรสชาติ

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือแสงแดดอันแรงกล้าในฤดูร้อนของแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีบทบาทโดยตรงต่อกระบวนการทำให้แห้งตามธรรมชาติขององุ่น เมื่อองุ่นเริ่มแห้งบนเถาหรือบนถาดตากแดด จะเกิดปฏิกิริยา Maillard ภายในเนื้อผลไม้ ซึ่งเป็นกระบวนการทางเคมีระหว่างน้ำตาล และกรดอะมิโนที่ให้สีน้ำตาลทองเข้ม และกลิ่นรสหวานลึกซึ้งเป็นเอกลักษณ์

การรวมกลุ่มเกษตรกรและการก่อตั้งสหกรณ์

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เกษตรกรผู้ปลูกองุ่นในหุบเขา San Joaquin เริ่มตระหนักถึงความจำเป็นของการรวมกลุ่มเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ และการตลาด เนื่องจากการผลิตลูกเกดในแคลิฟอร์เนียเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ราคาจำหน่าย และคุณภาพกลับไม่คงที่

การก่อตั้ง Sun-Maid Growers of California

ในปี ค.ศ. 1912 กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ได้ร่วมมือกันจัดตั้งสหกรณ์ผู้ปลูกลูกเกด Raisin Growers Cooperative ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงระดับโลกภายใต้ชื่อว่า Sun-Maid Growers of California

บทบาทสำคัญของ Sun-Maid ต่ออุตสาหกรรมลูกเกด

Sun-Maid ไม่เพียงเป็นแบรนด์ลูกเกดที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของอุตสาหกรรมลูกเกดแคลิฟอร์เนีย เท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการยกระดับ มาตรฐานการผลิต คุณภาพสินค้า และกลยุทธ์ทางการตลาดในระดับสากล

การกำหนดมาตรฐานกลางและการส่งออกทั่วโลก

ด้วยการรวมกลุ่มกันของเกษตรกรรายย่อย Sun-Maid จึงสามารถกำหนดมาตรฐานกลางด้านคุณภาพ ควบคุมกระบวนการแปรรูป และส่งเสริมการตลาดในวงกว้าง ทำให้ลูกเกดแคลิฟอร์เนียกลายเป็นสินค้าส่งออกที่ได้รับความนิยมทั่วโลก

พันธุ์องุ่นและวิธีการผลิตลูกเกดในแคลิฟอร์เนีย

ลูกเกดของแคลิฟอร์เนีย ส่วนใหญ่ผลิตขึ้นจากองุ่นพันธุ์ Thompson Seedless ซึ่งผ่านกระบวนการอบแห้งโดยใช้แสงแดดธรรมชาติเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการตากบนถาดกระดาษ หรือปล่อยให้แห้งบนเถาวัลย์โดยตรง โดยแต่ละวิธีมีเอกลักษณ์ และจุดเด่นแตกต่างกันไป ดังนี้

1. Traditional Method (วิธีแบบดั้งเดิม)

เป็นวิธีการที่เก่าแก่ และถือว่าให้คุณภาพของลูกเกดดีที่สุด องุ่นจะถูกเก็บเกี่ยวด้วยมืออย่างระมัดระวัง แล้วนำมาตากบนถาดกระดาษ วิธีนี้จะให้ลูกเกดที่มีรสชาติ และสีสันเป็นธรรมชาติที่สุด แต่ก็มีต้นทุนการผลิตสูง เนื่องจากต้องอาศัยแรงงานคนจำนวนมากในทุกขั้นตอน

2. Continuous Tray Method (วิธีถาดต่อเนื่อง)

เป็นการพัฒนาต่อยอดจากวิธีดั้งเดิม โดยใช้เครื่องจักรในการหวีเถาองุ่นให้ผลหลุดออกมา แล้ววางลงบนถาดตากยาวระหว่างแถวของไร่องุ่น วิธีนี้ช่วยลดแรงงานคน และเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บเกี่ยวได้มากขึ้น

3. Dry-on-Vine : DOV (วิธีอบแห้งบนเถา)

ถือเป็นวิธีการสมัยใหม่ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น องุ่นจะถูกตัดจากแหล่งน้ำหล่อเลี้ยง และปล่อยให้แห้งบนเถาวัลย์ตามธรรมชาติภายใต้แสงแดด เมื่อองุ่นแห้งถึงระดับที่ต้องการแล้ว จึงใช้เครื่องจักรเก็บเกี่ยว วิธีนี้ช่วยลดการใช้แรงงานคน และทำให้ได้ลูกเกดมีคุณภาพสม่ำเสมอมากขึ้น

4. Mechanical Drying (วิธีอบแห้งด้วยเครื่องจักร)

ใช้สำหรับการผลิตลูกเกดที่ต้องการรักษาสีอ่อน เช่น California Golden Seedless หรือ California Dipped Seedless หลังจากเก็บเกี่ยว องุ่นจะถูกนำไปเข้าเครื่องอบแห้งทันที และใช้ Sulfur Dioxide เพื่อช่วยรักษาสีทองของลูกเกดให้สวยงาม

บทบาทของ USDA ในการตรวจสอบคุณภาพลูกเกด

USDA (United States Department of Agriculture) มีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบ และรับรองว่าลูกเกดทุกเมล็ดที่ผลิตในรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพที่กำหนดไว้ภายใต้ USDA Agricultural Marketing Service (AMS) โดยการตรวจสอบครอบคลุมหลายด้าน ได้แก่

มาตรฐานสำคัญในการตรวจสอบคุณภาพของลูกเกด

  • Moisture Content (ปริมาณความชื้น) : เพื่อให้มั่นใจว่าลูกเกดมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มแต่ไม่ชื้นจนเกินไป
  • Cleanliness (ความสะอาด) : ต้องปราศจากสิ่งปนเปื้อน ฝุ่น หรือเศษวัสดุทางธรรมชาติ
  • Uniform Size (ขนาดและความสม่ำเสมอ) : เพื่อให้ลูกเกดที่วางจำหน่ายมีรูปลักษณ์ และคุณภาพที่สม่ำเสมอ
ลูกเกดทุกล็อตที่จะเข้าสู่ตลาดภายในประเทศ หรือตลาดส่งออกจะต้องผ่านการตรวจสอบ และรับรองคุณภาพจาก USDA ก่อนเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าที่ผู้บริโภคได้รับนั้นมีคุณภาพระดับพรีเมียมอย่างแท้จริง

คุณค่าทางโภชนาการของลูกเกด

ลูกเกดเป็นผลไม้แห้งที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตตามธรรมชาติ ใยอาหาร และแร่ธาตุสำคัญ เช่น โพแทสเซียม และแคลเซียม ซึ่งมีบทบาทต่อการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ รวมถึงการรักษาสมดุลของของเหลวในร่างกาย

ข้อมูลจาก USDA FoodData Central

ตามฐานข้อมูลของ USDA FoodData Central ลูกเกดโดยทั่วไปให้พลังงานประมาณ 299 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม พร้อมปริมาณใยอาหาร และโพแทสเซียมในระดับที่มีนัยสำคัญ (ปริมาณอาจแตกต่างไปตามระดับความชื้นและขนาดเสิร์ฟ) ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ทางการของ USDA: fdc.nal.usda.gov

ประโยชน์ของการบริโภคลูกเกดในชีวิตประจำวัน

นอกจากนี้ California Raisins ยังระบุว่าลูกเกดปริมาณ ¼ ถ้วยตวง คิดเป็นหนึ่งหน่วยบริโภคผลไม้ ให้พลังงานที่เหมาะสม และมีโพแทสเซียม กับแคลเซียมในระดับที่ช่วยเสริมสมดุลทางโภชนาการ เหมาะสำหรับบริโภคเป็นของว่าง หรือใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร เช่น สลัด ข้าวโอ๊ต หรือเบเกอรี ทั้งยังไม่จำเป็นต้องล้างหรือปอกเปลือก จึงสะดวกต่อการบริโภคในชีวิตประจำวัน
Tags :

บทความที่เกี่ยวข้อง
USA Pulses and US Dry Bean Council (USDBC)
ทำความรู้จัก USA Pulses และ U.S. Dry Bean Council (USDBC) สมาคมที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมถั่วในสหรัฐอเมริกา
California Dairy
ทำความรู้จัก California Dairy ผลิตภัณฑ์นมชั้นนำจากรัฐ California ซึ่งเป็นผู้ผลิตนมรายใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกา
U.S. Beef
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ U.S. Beef เนื้อวัวคุณภาพสูงจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลก
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ