California Dairy (แคลิฟอร์เนียเดลี่)

California Dairy: ผู้นำอุตสาหกรรมนมอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกา

รัฐ California ได้รับการยกย่องมาอย่างยาวนานว่าเป็นผู้นำด้านการผลิตนมอันดับหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีชื่อเสียงโดดเด่นด้านคุณภาพ มาตรฐานการควบคุม และความยั่งยืนทางการเกษตร จนกลายเป็นศูนย์กลางสำคัญของการผลิต และการส่งออกผลิตภัณฑ์นมระดับโลก

อุตสาหกรรมโคนม: เสาหลักเศรษฐกิจของรัฐแคลิฟอร์เนีย

อุตสาหกรรมโคนมของรัฐ California ถือเป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับสหรัฐอเมริกา และมีบทบาทสำคัญในการจ้างงานทั้งในภาคเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง

ภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการเลี้ยงโคนมคุณภาพสูง

รัฐ California มีภูมิอากาศที่หลากหลายที่เอื้อต่อการทำเกษตรกรรม โดยเฉพาะการเลี้ยงโคนม ซึ่งลักษณะภูมิอากาศของรัฐนี้ครอบคลุมตั้งแต่ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่อบอุ่น และแห้งในช่วงฤดูร้อน ไปจนถึงฤดูหนาวที่มีฝนตกในปริมาณเหมาะสม รวมถึงพื้นที่ภูเขาที่มีอากาศเย็นสบาย และความชื้นพอเหมาะ

สุขภาพโคนมและคุณภาพน้ำนมที่เหนือระดับ

สภาพภูมิอากาศเช่นนี้ถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเจริญเติบโต และสุขภาพของโคนม เนื่องจากไม่ร้อนจัด หรือลมแรงจนเกินไป โคนมสามารถใช้ชีวิตกลางแจ้งได้เกือบตลอดปีโดยไม่เครียดจากสภาพอากาศ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อคุณภาพ และปริมาณของน้ำนมที่ผลิตได้

การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในฟาร์มโคนม

งานวิจัยจากศูนย์ CLEAR แห่งมหาวิทยาลัย clear.ucdavis.edu ระบุว่า ฟาร์มโคนมในรัฐ California สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึงประมาณ 45% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเมื่อกว่า 50 ปีก่อน ความสำเร็จนี้เกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยี และแนวทางการจัดการฟาร์มที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการจัดการโคนม การปรับสูตรอาหารสัตว์ และการนำนวัตกรรมด้านการแปรรูปนม มาใช้เพื่อลดของเสีย และพลังงานที่ใช้ในกระบวนการผลิต

Climate-Smart Dairy: ฟาร์มนมรักษ์สิ่งแวดล้อมของแคลิฟอร์เนีย

นอกจากนี้รัฐ California ยังเป็นผู้นำของประเทศในด้าน Climate-Smart Dairy หรือการทำฟาร์มนมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีการนำเทคโนโลยี และนโยบายที่ยั่งยืนมาใช้ในวงกว้าง เช่น

• การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อผลิตพลังงานสะอาดและลดการพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล
• การจัดการมูลโคด้วยระบบดักจับ และนำก๊าซมีเทน มาแปลงเป็นพลังงานชีวภาพ
• การพัฒนาโครงการ Dairy Digester Research and Development Program (DDRDP) เพื่อส่งเสริมให้ฟาร์มโคนมลงทุนในเทคโนโลยีลดก๊าซเรือนกระจก

สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ คุณภาพ และสิ่งแวดล้อม

แนวทางเหล่านี้ช่วยให้ฟาร์มโคนมของ California สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยังคงรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมในระดับสูงสุด ส่งผลให้รัฐนี้เป็นต้นแบบของอุตสาหกรรมนมที่สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ คุณภาพ และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ในระดับโลก

ข้อมูลสถิติการผลิตนมของรัฐแคลิฟอร์เนีย

รัฐ California เป็นศูนย์กลางการผลิตนมที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา โดยมีฟาร์มโคนมประมาณ 1,100 แห่ง กระจายอยู่ทั่วรัฐ ซึ่งเลี้ยงโคนมมากกว่า 1.72 ล้านตัว ที่ได้รับการดูแลตามมาตรฐานด้านสวัสดิภาพสัตว์ และสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด

ผลิตภัณฑ์นมจาก California: หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการ

ตามข้อมูล Real California Dairy Facts กล่าวไว้ว่า ในแต่ละปีฟาร์มเหล่านี้จะสามารถผลิตน้ำนมได้มากกว่า 41.9 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 18 พันล้านกิโลกรัม ซึ่งถือเป็นปริมาณสูงที่สุดในประเทศ โดยน้ำนมที่ผลิตได้จะถูกนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทเพื่อรองรับความต้องการของตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เช่น น้ำนมสด เนย ชีส โยเกิร์ต ครีม และผลิตภัณฑ์นมแปรรูปหลากหลายชนิด

California: ศูนย์กลางการผลิตชีสระดับประเทศ

รัฐ California เป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตชีสที่ใหญ่ และมีความหลากหลายที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีผู้ผลิตชีสมากกว่า 50 ราย และสามารถผลิตชีสได้มากกว่า 250 ชนิด และหลากหลายสไตล์ ทั้งแบบดั้งเดิม และร่วมสมัย

ชีสที่โดดเด่นและหลากหลายจากแคลิฟอร์เนีย

ชีสที่ผลิตในรัฐ California มีความโดดเด่นทั้งในด้านคุณภาพ และปริมาณ โดยเฉพาะชีส Mozzarella ซึ่งเป็นชีสที่รัฐนี้สามารถผลิตได้มากที่สุดในประเทศ นอกจากนี้ California ยังเป็นผู้นำในการผลิตชีสสไตล์ Hispanic เช่น Queso Fresco, Cotija และ Oaxaca

Monterey Jack: ชีสต้นตำรับจาก California

อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของรัฐ California คือ ชีส Monterey Jack ซึ่งมีต้นกำเนิดใน California เมื่อกว่า 200 ปีก่อน ชีสนี้เป็นหนึ่งในชีสที่มีชื่อเสียงระดับโลก และได้รับการยอมรับว่าเป็น California Original ปัจจุบัน Monterey Jack กลายเป็นแบรนด์เชิงวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของ California ทั้งในด้านคุณภาพ รสชาติ และประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน

ความร่วมมือระหว่างรัฐแคลิฟอร์เนียและ USDA

อุตสาหกรรมนมของรัฐ California มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะกับ USDA (United States Department of Agriculture) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบาย การกำกับดูแล และการสร้างเสถียรภาพด้านราคาในตลาดนมทั่วประเทศ

ระบบ Federal Milk Marketing Order (FMMO) ของ USDA

ภายใต้ USDA มีหน่วยงานย่อยชื่อว่า Agricultural Marketing Service (AMS) ซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานตามระบบ Federal Milk Marketing Order (FMMO) หรือ คำสั่งการตลาดนมของรัฐบาลกลาง ระบบนี้มีจุดประสงค์เพื่อ

• กำหนดราคาขั้นต่ำของน้ำนมดิบ ตามประเภทการใช้งาน เช่น นมดื่ม ชีส เนย หรือผงนม
• สร้างกลไกที่ทำให้ผู้ผลิตนมได้รับราคาที่เป็นธรรม และสอดคล้องกับมูลค่าทางการตลาดของผลิตภัณฑ์นม
• ส่งเสริมความโปร่งใสในการซื้อขายระหว่างผู้ผลิต และผู้รับซื้อน้ำนม

การจัดตั้ง California Federal Milk Marketing Order (FMMO)

สำหรับรัฐ California ระบบดังกล่าวถูกนำมาปรับใช้ภายใต้ชื่อ California Federal Milk Marketing Order (California FMMO) ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ USDA Agricultural Marketing Service และเริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนปี ค.ศ. 2018 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวมระบบการจัดการตลาดนมของทั้งรัฐให้อยู่ภายใต้กรอบเดียวกันกับระบบระดับประเทศ

การยกระดับอุตสาหกรรมนมสู่มาตรฐานระดับประเทศ

ตามเอกสารที่เผยแพร่ใน Federal Register ได้ระบุไว้ว่า

This final rule establishes a Federal Milk Marketing Order regulating the handling of milk in California.

ซึ่งหมายความว่ากฎระเบียบฉบับนี้เป็นการจัดตั้งระบบกำกับดูแลการตลาดนมของรัฐ California อย่างเป็นทางการภายใต้กรอบของรัฐบาลกลาง เพื่อให้ราคาน้ำนม และการจัดจำหน่ายเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ โปร่งใส และเป็นธรรมต่อทั้งเกษตรกรผู้ผลิต และผู้แปรรูปนม

ผลลัพธ์ของระบบ California FMMO ต่ออุตสาหกรรมนม

นับตั้งแต่มีการใช้ California FMMO ระบบดังกล่าวได้ช่วยยกระดับการบริหารจัดการตลาดนมของรัฐให้มีความเป็นมาตรฐานเดียวกับระบบของประเทศ พร้อมทั้งสร้างความมั่นคงในอุตสาหกรรม และเสริมความเชื่อมั่นของผู้ผลิตนมแคลิฟอร์เนียในตลาดโลก