Rothschild (รอธไชลด์)

จุดเริ่มต้นของตระกูล Rothschild ในโลกไวน์

ตระกูล Rothschild เป็นที่รู้จักจากอาณาจักรทางการเงินที่เริ่มต้นโดย Mayer Amschel Rothschild ในเยอรมนีช่วงศตวรรษที่ 18 ต่อมา เขาได้ส่งลูกชายทั้งห้าคนไปตั้งรกรากและทำธุรกิจในเมืองหลวงต่าง ๆ ทั่วยุโรป หนึ่งในนั้นคือ ฝรั่งเศส ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างตระกูล Rothschild กับโลกของไวน์

การเข้าซื้อ Château Mouton และ Château Lafite

ในปี 1853 Baron Nathaniel Rothschild เข้าซื้อ Château Brane-Mouton ในแคว้น Bordeaux และเปลี่ยนชื่อเป็น Château Mouton Rothschild กลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ไวน์ชื่อดังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ
ต่อมาในปี 1868 Baron James Mayer Rothschild ก็เข้าซื้อ Château Lafite ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักในชื่อ Château Lafite Rothschild โดยไวน์จาก Château แห่งนี้ได้รับการจัดอันดับ Bordeaux Classification ปี 1855 ให้อยู่ในระดับ Premiers Crus (First Growth) ตั้งแต่แรกเริ่ม

การพลิกโฉมวงการไวน์ด้วยศิลปะและนวัตกรรม

ในศตวรรษที่ 20 Baron Philippe de Rothschild เข้ามาบริหาร Château Mouton Rothschild และได้เปลี่ยนวิธีการทำไวน์อย่างทันสมัย รวมถึงเป็นผู้บุกเบิกในการนำ ศิลปินระดับโลก เช่น Picasso, Dalí, และ Warhol มาร่วมออกแบบฉลากไวน์ในแต่ละปีตั้งแต่ปี 1924 ทำให้ฉลากของ Mouton Rothschild กลายเป็นงานศิลป์สะสมที่มีมูลค่าสูง

Château Mouton Rothschild ได้เลื่อนระดับเป็น First Growth

แม้ Mouton Rothschild จะเป็นไวน์ชั้นยอด แต่ในปี 1855 ถูกจัดอันดับไว้แค่ Second Growth จนกระทั่งในปี 1973 ภายใต้การบริหารของ Baron Philippe ไวน์จาก Château แห่งนี้ได้รับการเลื่อนระดับอย่างเป็นทางการให้เป็น Premier Cru ถือเป็นการเลื่อนชั้นเพียงครั้งเดียวในประวัติศาสตร์การจัดอันดับของ Bordeaux

การขยายกิจการสู่ Château Clerc Milon และทั่วโลก

นอกจาก Château Mouton และ Lafite แล้ว ตระกูล Rothschild ยังได้ซื้อ Château Clerc Milon (หรือที่คนไทยรู้จักว่า ไวน์ตุ๊กตาคู่) และยกระดับคุณภาพจนเป็นที่ยอมรับ แม้จะอยู่ในระดับ Cinquième Cru (Fifth Growth)
พวกเขายังขยายอาณาจักรไวน์ไปยัง อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย สเปน อิสราเอล รวมถึงการร่วมมือกับ Robert Mondavi ในการก่อตั้ง Opus One ใน Napa Valley สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการผสมผสานสไตล์ไวน์ฝรั่งเศสกับแคลิฟอร์เนียอย่างลงตัว

ผลงานที่ทรงอิทธิพลของตระกูล Rothschild

• ยกระดับมาตรฐานการผลิตไวน์ ด้วยเทคโนโลยีการผลิตทันสมัย
• สร้างแบรนด์ไวน์ระดับโลก เช่น Mouton Rothschild และ Lafite Rothschild
• ส่งเสริมศิลปะ ด้วยฉลากไวน์ที่ออกแบบโดยศิลปินชื่อดัง

สนับสนุนการท่องเที่ยวไวน์ ผ่านไร่องุ่นที่กลายเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยว

มรดกที่ยังคงสืบทอด

ปัจจุบันกิจการไวน์ของตระกูล Rothschild ยังคงดำเนินต่อโดย Saskia de Rothschild ทายาทรุ่นที่ 6 ซึ่งยังคงยึดมั่นในคุณภาพและการสืบสานวัฒนธรรมไวน์ให้เป็นที่จดจำไปทั่วโลก