ส้มโอทับทิมสยาม
ประเทศไทยกับความโดดเด่นด้านผลไม้
นอกจากการเป็นแหล่งผลิตข้าวที่สำคัญของโลกแล้ว ประเทศไทยยังเป็นแหล่งเพาะปลูกผลไม้ชั้นนำของโลก ด้วยสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เหมาะสม ทำให้ผลไม้หลากชนิดเจริญเติบโตได้ดี และหนึ่งในผลไม้ที่สร้างชื่อเสียงด้านการส่งออกของไทย ก็คือ ส้มโอทับทิมสยาม
ประวัติความเป็นมาของส้มโอทับทิมสยาม
ส้มโอทับทิมสยามมีจุดเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2523 โดยนายสมหวัง มันแหละ ชาวอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้นำส้มโอพันธุ์พื้นเมืองจากอำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี มาทดลองปลูกและปรับปรุงพันธุ์ ซึ่งในระยะแรกยังมีรสขมปนอยู่ แต่หลังจากใช้วิธีตอนกิ่งและปรับปรุงต่อเนื่องหลายรุ่น ก็ได้ผลผลิตรุ่นสุดท้ายที่มีรสหวานเพียงอย่างเดียว และมีเนื้อสีแดงเข้มคล้ายทับทิม จึงตั้งชื่อว่า ส้มโอทับทิมสยาม หรือ ส้มโอแดงสยาม
ปลูกเฉพาะในภาคใต้ ด้วยรสชาติจากแคลเซียมธรรมชาติ
ส้มโอทับทิมสยามสามารถปลูกได้ดีเฉพาะในภาคใต้ของประเทศไทย เนื่องจากดินมีแคลเซียมสูงและอุดมสมบูรณ์ ส่งผลต่อความหวานเฉพาะตัวของผลไม้ ทำให้มีผลผลิตต่อปีไม่มากนัก และกลายเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทั้งด้านรสชาติและวัฒนธรรม โดยมักนำมาเป็นของขวัญมงคลที่เชื่อว่านำโชคลาภมาให้
ลักษณะเฉพาะของส้มโอทับทิมสยาม
- ใบกว้าง ปลายใบแหลม ผลกลมมีจุกคล้ายลูกแพร์
- ผลโตเต็มที่มีเส้นรอบวงประมาณ 1825 เซนติเมตร
- ผิวผลเรียบ สีเขียวนวลอมเหลือง เปลือกบาง แพ้ง่ายหากขนส่งไม่ดี
- เนื้อภายในแน่น ไม่แตก ไม่แฉะน้ำ แห้งกรอบ สีแดงเข้มเหมือนทับทิม
- เมล็ดเรียงชิดแกน รสหวาน หอม ไม่มีรสขม
คุณประโยชน์และการบริโภค
ส้มโอมีไฟเบอร์สูงและแคลอรี่ต่ำ เหมาะสำหรับผู้ควบคุมน้ำหนัก และยังเป็นแหล่งวิตามินซี โพแทสเซียม และโปรตีน อีกทั้งยังช่วยระบบขับถ่ายและส่งเสริมจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้
ส้มโอทับทิมสยามสามารถนำไปบริโภคได้หลากหลาย ทั้งแบบสด หรือใช้เป็นวัตถุดิบในเมนูอาหาร เช่น ยำ ส้มตำ เมี่ยง ข้าวยำ หรือแม้แต่ของหวานต่าง ๆ