แชร์

Lambrusco (ลัมบรุสโก)

ในโลกของไวน์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและหลากหลาย Lambrusco (ลัมบรุสโก) คือสปาร์กลิ้งไวน์จากประเทศอิตาลีที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยต้นกำเนิดจากแคว้น Emilia-Romagna ทางตอนเหนือของประเทศ ลัมบรุสโกมีความพิเศษด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเกิดจากการใช้องุ่นพันธุ์ Lambrusco ในการผลิต โดยทั่วไปจะมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว มีฟองละเอียด และมีกลิ่นหอมของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น เชอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี หรือผลไม้เล็กอื่นๆ บทความนี้จะพาคุณย้อนรอยประวัติศาสตร์อันยาวนานของ Lambrusco ตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงการฟื้นคืนชีพในยุคปัจจุบัน พร้อมทำความรู้จักกับประเภทต่างๆ ที่ครองใจนักดื่มทั่วโลก

จุดกำเนิดจากอารยธรรมเอทรัสคัน : องุ่นป่าสู่ไวน์โบราณ

เรื่องราวอันน่าทึ่งของ Lambrusco มีประวัติย้อนกลับไปในสมัย อารยธรรมเอทรัสคัน (Etruscan) ซึ่งเป็นอารยธรรมโบราณที่รุ่งเรืองอยู่ในบางส่วนของอิตาลีตั้งแต่ ศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล ก่อนหน้าการมาถึงของชาวโรมันเสียอีก ชื่อ Lambrusco เองก็มาจากคำภาษาละตินว่า labrusca ซึ่งหมายถึง องุ่นป่าที่เติบโตริมรั้ว อันเป็นชื่อที่สื่อถึงลักษณะขององุ่นพันธุ์ Lambrusco ที่เป็นองุ่นเก่าแก่ มีถิ่นกำเนิดในป่า และสามารถเจริญเติบโตได้เองตามธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อกันว่า ชาวเอทรัสคันโบราณ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการเพาะปลูกองุ่นและผลิตไวน์ในภูมิภาคนี้ เป็นกลุ่มแรกๆ ที่ได้ค้นพบและนำองุ่น Lambrusco มาใช้ในการผลิตไวน์

วิธีการผลิต Lambrusco ในยุคแรกเริ่ม นั้นแตกต่างจากปัจจุบันอย่างมาก โดยไวน์ Lambrusco รุ่นแรกๆ เชื่อกันว่าผลิตจากองุ่น Lambrusco ป่า ที่ยังไม่ได้มีการเพาะปลูกอย่างเป็นระบบเหมือนเช่นทุกวันนี้ ขั้นตอนการทำนั้นค่อนข้างเรียบง่ายแต่ชาญฉลาด เพื่อให้ได้ไวน์ที่มีฟอง ชาวเอทรัสคันจะนำไวน์ที่ผ่านการหมักครั้งแรกไป หมักซ้ำในโถ ที่เติมน้ำและปิดจุกให้แน่น จากนั้นพวกเขาก็จะนำโถเหล่านี้ไป แช่ใต้ดินหรือแช่ในน้ำเย็น เพื่อรักษาอุณหภูมิของไวน์ให้ต่ำลง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เกิดการหมักครั้งที่สองอย่างช้าๆ และเกิดฟองคาร์บอนไดออกไซด์ในไวน์ เมื่อได้ฟองในปริมาณที่ต้องการแล้ว พวกเขาจะนำไวน์ไปแช่ในอุณหภูมิที่สูงขึ้นเล็กน้อย ปล่อยทิ้งไว้เพียงไม่กี่วัน ไวน์ก็พร้อมดื่มได้ นับเป็นภูมิปัญญาอันน่าทึ่งในการสร้างสรรค์สปาร์กลิ้งไวน์โดยปราศจากเทคโนโลยีอันซับซ้อน

ยุคโรมันและยุคกลาง : ไวน์ยอดนิยมของสามัญชน

ต่อมาในสมัย จักรวรรดิโรมัน ไวน์ Lambrusco ก็ยังคงเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง พลินี (Pliny the Elder) นักธรรมชาติวิทยาผู้โด่งดังชาวโรมัน ได้กล่าวถึง Lambrusco ในงานเขียนของเขา โดยระบุว่าองุ่นพันธุ์ Lambrusco มีการเพาะปลูกกันอย่างแพร่หลาย เพื่อผลิตไวน์รสผลไม้ที่เข้มข้น และมีฟองอากาศตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการหมักในโถดังเช่นในยุคเอทรัสคัน ความสดชื่นและรสชาติที่โดดเด่นของ Lambrusco ทำให้เป็นที่ชื่นชอบในหมู่ชาวโรมัน ไม่ว่าจะเป็นสามัญชนหรือชนชั้นสูง

ในช่วง ยุคกลาง ไวน์ Lambrusco กลายเป็นเครื่องดื่มหลักและเป็นที่แพร่หลายในชีวิตประจำวันของชาวแคว้น Emilia-Romagna ซึ่งได้รับความนิยมเป็นพิเศษในหมู่ชาวไร่ชาวนาและชนชั้นแรงงาน เนื่องจากมีราคาที่เอื้อมถึงได้ง่ายและสามารถผลิตได้ในท้องถิ่น ในสมัยนั้น Lambrusco มักจะมีรสชาติเบาและมีความซ่าเล็กน้อย ซึ่งเหมาะสำหรับการดื่มคู่กับอาหารหลากหลายชนิดในชีวิตประจำวัน เช่น เนื้อสัตว์แปรรูป (salumi) ชีสแข็ง และพาสต้า ซึ่งเป็นอาหารหลักของภูมิภาคนี้

ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ผู้ผลิตไวน์ในพื้นที่ก็เริ่มปรับปรุงเทคนิคการผลิตไวน์ Lambrusco อย่างจริงจัง โดยให้ความสำคัญกับการปรับปรุงพันธุ์องุ่น Lambrusco ให้มีคุณภาพดีขึ้น และพัฒนากระบวนการผลิตไวน์ให้มีความซับซ้อนและมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น สิ่งนี้ส่งผลทำให้ไวน์ Lambrusco มีคุณภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และในช่วงนี้เองที่ไวน์ Lambrusco เริ่มมีลักษณะและกระบวนการผลิตที่ใกล้เคียงกับไวน์สมัยใหม่มากขึ้น สะท้อนถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมไวน์ในภูมิภาค

ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา และการขยายตัวเชิงพาณิชย์

ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) ไวน์ Lambrusco ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่ชนชั้นสูง เนื่องจากแคว้น Emilia-Romagna ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางการผลิตไวน์ แต่ยังกลายเป็นศูนย์กลางทางศิลปะและวัฒนธรรมที่สำคัญของอิตาลี ไวน์ Lambrusco มักจะถูกเสิร์ฟในงานเลี้ยงสังสรรค์ของเศรษฐี ผู้มีอำนาจ และราชวงศ์ ซึ่งช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของไวน์ให้มีความหรูหราและเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ เมื่อเวลาผ่านไป ความนิยมของไวน์ชนิดนี้จึงแพร่กระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วอิตาลี และเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น

ศตวรรษที่ 19 ถือเป็นช่วงเวลาที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของไวน์ Lambrusco เนื่องจากมีการปฏิวัติอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยมากขึ้น ทำให้เริ่มมีการผลิตไวน์ Lambrusco ในปริมาณที่มากขึ้นในเชิงอุตสาหกรรม และสามารถควบคุมคุณภาพได้ดีขึ้น การผลิตในปริมาณมากนี้ทำให้ไวน์ Lambrusco สามารถถูกส่งออกไปยังส่วนอื่นๆ ของโลกได้อย่างกว้างขวาง ทั้งในยุโรปและทวีปอเมริกา ด้วยรสชาติที่เข้าถึงได้ง่าย มีความสดชื่น และมีฟอง จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่ผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน สหรัฐอเมริกา ซึ่งกลายเป็นตลาดสำคัญของ Lambrusco

ความท้าทาย และการฟื้นคืนชีพในยุคปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาหลายปีต่อมา ความนิยมของไวน์ Lambrusco ก็เริ่มลดลงอย่างน่าใจหาย สาเหตุหลักมาจากการที่ผู้ผลิตบางรายให้ความสำคัญกับปริมาณมากกว่าคุณภาพและฝีมือการผลิต ซึ่งส่งผลให้คุณภาพของไวน์ไม่มีความสม่ำเสมอ และในหลายกรณีมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น สิ่งนี้ทำให้ผู้บริโภคมองว่า Lambrusco เป็นไวน์ราคาถูกและมีคุณภาพต่ำ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์อย่างมาก

แต่ในทางกลับกัน! ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไวน์ Lambrusco ได้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ สิ่งนี้เป็นผลมาจากความพยายามของ ผู้ผลิตไวน์ใน Emilia-Romagna ที่หวนกลับไปใช้กรรมวิธีดั้งเดิมที่เป็นลักษณะเฉพาะของไวน์ Lambrusco ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ และความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการผลิต ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมกระบวนการหมักและการผลิตไวน์ได้ดีขึ้นอย่างมาก ผลลัพธ์ที่ได้คือไวน์ Lambrusco ที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านรสชาติและสไตล์ ตั้งแต่แบบ Dry (ไม่หวาน) และมีแทนนิน ไปจนถึงแบบ หวาน (Sweet) และมีกลิ่นผลไม้ โดยแต่ละชนิดก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจ เช่น

  • Lambrusco di Modena: มีรสชาติเข้มข้น หวานอมเปรี้ยว และมีฟองละเอียด เป็นสไตล์ที่ได้รับความนิยม
  • Lambrusco di Sorbara: มีรสชาติเบากว่า Lambrusco di Modena หวานน้อยกว่า และมีฟองละเอียด ให้ความสดชื่น
  • Lambrusco Grasparossa di Castelvetro: ถือเป็นสไตล์ที่เข้มข้นที่สุดในบรรดา Lambrusco ทั้งหมด มีกลิ่นหอมของผลไม้สีแดงเข้ม มีฟองปานกลาง และมีแทนนินสูงกว่า Sorbara เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทานคู่กับเนื้อแดงหรืออาหารรสจัด
  • Lambrusco Salamino di Santa Croce: มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว หอมกลิ่นของผลไม้สุก เหมาะสำหรับทานเป็น Aperitif (เครื่องดื่มเรียกน้ำย่อย) หรือทานคู่กับของหวาน
ปัจจุบัน ไวน์ Lambrusco ได้รับการยกย่องและกลับมาเป็นที่นิยมในฐานะ ไวน์อเนกประสงค์ ที่เข้ากันได้ดีกับอาหารหลากหลายชนิด ไม่เพียงเท่านั้น ไวน์ Lambrusco ยังกลับมาครองตำแหน่ง ไวน์คุณภาพเยี่ยม ที่ไม่เพียงแต่นักดื่มทั่วไปชื่นชอบ แต่ยังเป็นที่ยอมรับในหมู่นักวิจารณ์ไวน์อีกด้วย การฟื้นคืนชีพครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า Lambrusco คือสปาร์กลิ้งไวน์ที่มีจิตวิญญาณและประวัติศาสตร์อันล้ำค่าที่คู่ควรแก่การลิ้มลอง

บทความที่เกี่ยวข้อง
Duvel Tripel Hop (ดูเวล ทริปเปิล ฮอปส์)
ทำความรู้จัก Duvel Tripel Hop (ดูเวล ทริปเปิล ฮอปส์) เบียร์สไตล์ Belgian Strong Pale Ale ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากโรงเบียร์ Duvel Moortgat ประเทศเบลเยียม
Trappist Beer (แทรปพิสท์ เบียร์)
Trappist Beer (แทรปพิสท์ เบียร์) : น้ำเมาศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐ์ขึ้นด้วยมือของนักบวช
Cognac (คอนญัก) และ Brandy (บรั่นดี)
Cognac (คอนญัก) และ Brandy (บรั่นดี) ต่างกันอย่างไร
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ