Dilmah (ดิลมา)
ในโลกของชา ชื่อ Dilmah (ดิลมา) โดดเด่นขึ้นมาด้วยคุณภาพระดับโลกและรสชาติอันเป็นเลิศจากชาซีลอนแท้ ๆ แต่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ มีเรื่องราวของการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในอุตสาหกรรมชาซ่อนอยู่ Dilmah ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1988 โดย Merrill J. Fernando (เมอร์ริล เจ. เฟอร์นันโด) ผู้ปลูกชาที่ได้รับการขนานนามว่า "มีประสบการณ์มากที่สุดในโลก" วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องราวที่น่าสนใจของแบรนด์นี้กันค่ะ
จุดเริ่มต้นจากความรู้สึกไม่เป็นธรรมในอุตสาหกรรมชา
เรื่องราวของ Dilmah เริ่มต้นจากความรู้สึกไม่เป็นธรรมที่ Merrill J. Fernando เคยประสบพบเจอในอุตสาหกรรมชา ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 70 ปีที่แล้ว ในช่วงที่ศรีลังกา (หรือที่รู้จักกันในชื่อซีลอนในขณะนั้น) ตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิอังกฤษ การเกษตรที่สำคัญอย่างไร่ชาจึงถูกควบคุมและตกอยู่ในมือของบริษัทข้ามชาติ ทำให้เกิดการ ผูกขาดในธุรกิจชา อย่างไม่เป็นธรรม
แต่ในปี 1950 หลังจากศรีลังกาได้รับเอกราชและเปลี่ยนสถานะเป็นสาธารณรัฐ อุตสาหกรรมชาในศรีลังกาก็มาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อ Merrill ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในชาวศรีลังกากลุ่มแรกที่เดินทางไปยังลอนดอน เพื่อเรียนรู้วิธีการชิมชา ค้าขายชา และการตลาดต่าง ๆ ที่สถาบันชาที่มีชื่อเสียงระดับโลกในลอนดอน
การผูกขาดและเอารัดเอาเปรียบ: ต้นเหตุแห่งความมุ่งมั่น
หลังจากที่ Merrill เข้ามาเรียนที่สถาบันแห่งนี้ เขาก็พบกับความจริงอันน่าตกใจว่า อังกฤษได้สร้างระบบที่แสวงหาผลประโยชน์จากศรีลังกาอย่างไม่เป็นธรรม แรงงานในไร่ชาศรีลังกาได้รับค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด ทั้งที่ทำงานปลูกชาอย่างยากลำบาก ในขณะที่เหล่าพ่อค้าในลอนดอนกลับนำชาศรีลังกาไปขายได้ในราคาสูงลิ่ว และทำกำไรก้อนโต
นอกจากนี้ พ่อค้าในลอนดอนยังพยายามลดต้นทุนโดยนำใบชาจากแหล่งผลิตอื่น ๆ ที่มีคุณภาพด้อยกว่า มาผสมกับใบชาคุณภาพสูงจากศรีลังกา จากนั้นก็ติดฉลากเป็นแบรนด์ของตัวเองขายในราคาที่สูงขึ้น โดยอ้างว่าเป็นชาซีลอน หรือชาศรีลังกาแท้ ๆ ซึ่งขณะนั้นชาซีลอนได้รับการยอมรับว่าเป็นชาคุณภาพสูงและเป็นที่ต้องการอย่างมาก
Merrill รู้สึกว่าสิ่งที่เขาพบเจอนั้น ไม่เป็นธรรมอย่างมาก เพราะการกระทำของเหล่าพ่อค้าในลอนดอนไม่เพียงแต่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังเป็นการเอาเปรียบชาวไร่และแรงงานในไร่ชาศรีลังกาที่ทำงานอย่างหนักด้วยเลือดเนื้อหยาดเหงื่อ
กำเนิด "Dilmah" : ชาที่ยุติธรรมจากไร่สู่ถ้วย
จากเหตุการณ์นี้ Merrill จึงให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่า สักวันหนึ่งเขาจะสร้างบริษัทชาที่สามารถแข่งขันกับบริษัทชารายใหญ่ระดับโลกได้ และรับรองว่าผู้ปลูกชาในศรีลังกาจะได้ผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม จากนั้นอีก 35 ปีต่อมา ในปี 1985 เขาก็ก่อตั้งบริษัท Dilmah ขึ้นมา ซึ่งเป็น ชาแบรนด์แรกของศรีลังกาที่เจ้าของไร่ชาเป็นผู้ผลิตชาด้วยตัวเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว ไปจนถึงการบรรจุและส่งออก (ชื่อแบรนด์ Dilmah ตั้งชื่อตามลูกชายสองคนของเขา คือ Dilhan และ Malik ซึ่งปัจจุบันก็เข้ามาช่วยบริหารงาน)
ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง Dilmah ก็โดดเด่นด้วยการยึดมั่นใน วิธีการผลิตชาแบบดั้งเดิมและคุณภาพสูงสุด ซึ่งใบชาซีลอนชั้นดีจะถูกเก็บเกี่ยวด้วยมืออย่างพิถีพิถัน จากนั้นก็จะถูกแปรรูปด้วยความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด เพื่อให้รสชาติและลักษณะเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ของชาซีลอนยังคงอยู่ครบถ้วน
ในช่วงแรก ๆ ของการผลิตยังถือเป็นช่วงท้าทายสำหรับ Dilmah เนื่องจากต้องแข่งขันกับแบรนด์ข้ามชาติที่มีชื่อเสียงและงบประมาณการตลาดมหาศาล แต่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละต่อคุณภาพ ในเวลาไม่นาน Dilmah จึงเริ่มได้รับการยอมรับจากผู้ชื่นชอบชามากขึ้นเรื่อย ๆ
Single Origin Tea และปรัชญา "Business is a matter of human service"
แนวคิด Single Origin Tea ของ Dilmah ถือเป็นอีกหนึ่งรากฐานของความสำเร็จ เพราะ Dilmah จะเลือกใช้เฉพาะ ใบชาจากศรีลังกาแท้ ๆ เท่านั้นในการผลิต เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์การดื่มชาที่มีรสชาติและคุณภาพที่สม่ำเสมอ แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ที่มักจะผสมชาจากหลายภูมิภาคเข้าด้วยกันเพื่อลดต้นทุน
นอกเหนือจากการทุ่มเทด้านคุณภาพแล้ว Dilmah ยังมุ่งมั่นในการปฏิบัติที่ถูกต้องตาม จริยธรรมและความยั่งยืน อีกด้วย โดยดำเนินงานตามปรัชญาของ Merrill ที่ว่า Business is a matter of human service (ธุรกิจคือการให้บริการแก่เพื่อนมนุษย์)
- การตอบแทนสังคม: ในปี 2002 Merrill ได้ก่อตั้ง มูลนิธิการกุศล MJF ขึ้นมาเพื่อให้การสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชนต่าง ๆ มากมายในศรีลังกา โดยเน้นที่การศึกษา การดูแลสุขภาพ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยมีเป้าหมายในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนงานในไร่ชาและครอบครัวของพวกเขา ไม่เพียงเท่านี้ Dilmah ยังก่อตั้ง Dilmah School of Tea เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ที่ชื่นชอบชาและผู้ประกอบการเกี่ยวกับศิลปะแห่งชาอีกด้วย
- ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม: Dilmah ยังเป็นผู้บุกเบิกการผลิตชาแบบยั่งยืนอีกด้วย โดยบริษัทได้ริเริ่มโครงการต่าง ๆ มากมาย เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การอนุรักษ์น้ำและพลังงาน, โครงการปลูกป่าทดแทน, และการส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพในไร่ชา ซึ่งความพยายามเหล่านี้ทำให้ Dilmah ได้รับรางวัลและการรับรองมากมายในด้านความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม
ด้วยความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละของ Dilmah ในด้านคุณภาพ จริยธรรม และความยั่งยืน ปัจจุบัน Dilmah จึงประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และได้รับความนิยมในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ซึ่งทุกวันนี้แบรนด์ยังคงเป็นธุรกิจของครอบครัว โดยมี Dilhan และ Malik ลูกชายของ Merrill เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานและสานต่อปณิธานของคุณพ่อ
คุณสามารถหาซื้อชา Dilmah หลากหลายรสชาติและชนิด เพื่อสัมผัสคุณภาพระดับโลกจากศรีลังกาแท้ ๆ ได้ที่ริมปิงทุกสาขานะคะ