แชร์

Pastis (ปาสติส)

หากคุณกำลังมองหาเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยที่ให้กลิ่นอายของฝรั่งเศสแท้ๆ ชื่อของ Pastis (ปาสติส) ย่อมเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด เครื่องดื่มชนิดนี้มีลักษณะคล้ายกับ Absinthe (แอปซินท์) ที่เคยโด่งดัง แต่ไม่มีส่วนผสมของเวิร์มวูด (Wormwood) ซึ่งเป็นสมุนไพรต้องห้ามที่มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท Pastis มีรสชาติหอมหวานจาก Anise Seed (โป๊ยกั้ก) เป็นหลัก นิยมดื่มก่อนมื้ออาหาร เพื่อกระตุ้นความอยากอาหาร และถือเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมการดื่มของชาวฝรั่งเศสตอนใต้

จาก Absinthe สู่กำเนิด Pastis : เมื่อข้อห้ามนำมาซึ่งนวัตกรรม

เรื่องราวของ Pastis มีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับ Absinthe เนื่องจากในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ความนิยมของ Absinthe พุ่งสูงขึ้นในฝรั่งเศส จนกลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของศิลปินและชาวโบฮีเมียนผู้โด่งดัง อย่าง Vincent Van Gogh (วินเซนต์ แวน โก๊ะ) และ Ernest Hemingway (เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์)

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีการค้นพบว่า Absinthe มีฤทธิ์หลอนประสาท รัฐบาลฝรั่งเศสจึงประกาศ ห้ามขาย Absinthe ในปี 1915 ด้วยเหตุนี้ ผู้ผลิตสุราที่มีรส Anise Seed จึงต้องคิดค้นสูตรใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับข้อห้ามดังกล่าว ซึ่งสิ่งนี้เองที่นำไปสู่การพัฒนา Pastis ในที่สุด

ในช่วงหลายปีหลังจากการห้ามขาย Absinthe โรงกลั่นสุราในฝรั่งเศสหลายแห่งก็เริ่มคิดค้นสูตรใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักดื่ม เนื่องจากในเวลานั้นสุรารส Anise Seed กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ชาวฝรั่งเศส

Pastis โดย Paul Ricard : การผสมผสานที่ลงตัว

ในปี 1932 Paul Ricard (พอล ริคาร์ด) นักธุรกิจหนุ่มจากเมืองมาร์กเซย ได้เปิดตัวสุรารส Anise Seed ชนิดใหม่ขึ้นมาเรียกว่า Pastis โดยชื่อ Pastis มาจากคำว่า Pastisson ในภาษาโพรวองซ์ ซึ่งแปลว่า การผสมผสาน สื่อถึงส่วนผสมที่หลากหลายและซับซ้อนของเครื่องดื่มชนิดนี้ที่ทำมาจาก Anise Seed, รากชะเอมเทศ, สมุนไพร, และเครื่องเทศอื่นๆ อีกหลากหลายชนิด

หลังจากเปิดตัว Pastis ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยยอดนิยมของฝรั่งเศส Pastis มีรสชาติ Anise Seed เป็นหลัก มีสีคล้ายคาราเมล แต่เมื่อเติมน้ำลงไป สีจะเปลี่ยนเป็นขุ่นและเหลืองซีด ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ และมีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำกว่า Absinthe อยู่ที่ 40 - 45% ABV

หลังจากที่ Paul Ricard ประสบความสำเร็จ บริษัทอื่นๆ ก็เริ่มผลิต Pastis ในรูปแบบของตนเอง และในช่วงเวลาดังกล่าวแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Pernod (เพอร์โนด์) ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้แบรนด์นี้เคยเป็นผู้ผลิต Absinthe รายใหญ่มาก่อนที่จะถูกห้ามจำหน่าย

วิถีการดื่ม Pastis: จาก "Ouzo Effect" สู่ค็อกเทลสร้างสรรค์

โดยปกติแล้ว Pastis จะเสิร์ฟโดยการเจือจางด้วยน้ำในอัตราส่วน Pastis 1 ส่วนต่อน้ำ 5 ส่วน ซึ่งว่ากันว่าการเจือจางด้วยน้ำจะช่วยปลดปล่อยน้ำมันหอมระเหยใน Pastis ออกมา ทำให้ได้กลิ่นหอมของ Anise Seed ชัดเจนมากขึ้น ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Ouzo Effect หรือ Louche Effect (น้ำขุ่นขึ้นเมื่อเติมน้ำ) อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนของ Pastis ต่อน้ำนั้นแตกต่างกันไปตามความชอบของแต่ละบุคคล

Pastis ไม่เพียงแต่นิยมดื่มแบบเพียวๆ และดื่มกับน้ำเปล่าเท่านั้น แต่ยังนิยมใช้เป็นส่วนผสมในค็อกเทลต่างๆ ด้วย เช่น

  • Rourou: ผสมน้ำเชื่อมสตรอว์เบอร์รี
  • Tomate: ผสมเกรนาดีน
  • Perroquet: ผสมน้ำเชื่อมมิ้นต์

การผสม Pastis กับเกรนาดีน และน้ำเชื่อมมิ้นต์จะได้เครื่องดื่มที่เรียกว่า Feuille Morte (โฟย มอร์ท) นอกจากนี้ยังสามารถใช้แทน Absinthe ในค็อกเทลยอดนิยมอย่าง Sazerac (ซาเซอรัก) ได้ด้วย

นอกจากใช้เป็นเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยแล้ว Pastis ยังถูกนำมาใช้ในการปรุงอาหารด้วย โดยเฉพาะในอาหารโพรวองซ์ (Provençal cuisine) เช่น Bouillabaisse (บูยาแบส) สตูว์ปลาแบบดั้งเดิมที่มีชื่อเสียง

Pastis ในปัจจุบัน : ตำนานที่ยังคงดำเนินต่อ

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Pastis ต้องเผชิญกับความท้าทาย เมื่อรัฐบาลห้ามผลิตและจำหน่ายสุราที่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 16% แต่ทั้งนี้ข้อห้ามก็ถูกยกเลิกหลังสงคราม ส่งผลให้การบริโภค Pastis กลับมาคึกคักอีกครั้ง รัฐบาลให้การรับรอง และออกกฎหมายให้กับ Pastis อย่างเป็นทางการในปี 1951 โดยกำหนดให้เป็นเครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ระหว่าง 40% ถึง 45%

ปัจจุบัน Pastis เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในฝรั่งเศส และทั่วโลก ในขณะที่แบรนด์คลาสสิกอย่าง Ricard ของ Paul Ricard และ Pernod ยังคงครองตลาดอยู่ โดยแบรนด์เหล่านี้ยังคงรักษากลิ่นอายดั้งเดิมของ Pastis เอาไว้ พร้อมทั้งสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อตอบสนองรสนิยมร่วมสมัยด้วย

นอกจากนี้ ในปัจจุบันทั้งสองแบรนด์ยังได้ควบรวมกิจการเป็น Pernod Ricard ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไวน์ และสุรารายใหญ่อันดับ 2 ของโลก

ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และวัฒนธรรมการดื่มที่น่าสนใจ Pastis จึงเป็นเครื่องดื่มที่สะท้อนจิตวิญญาณของฝรั่งเศสได้อย่างแท้จริง


บทความที่เกี่ยวข้อง
Duvel Tripel Hop (ดูเวล ทริปเปิล ฮอปส์)
ทำความรู้จัก Duvel Tripel Hop (ดูเวล ทริปเปิล ฮอปส์) เบียร์สไตล์ Belgian Strong Pale Ale ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากโรงเบียร์ Duvel Moortgat ประเทศเบลเยียม
Trappist Beer (แทรปพิสท์ เบียร์)
Trappist Beer (แทรปพิสท์ เบียร์) : น้ำเมาศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐ์ขึ้นด้วยมือของนักบวช
Cognac (คอนญัก) และ Brandy (บรั่นดี)
Cognac (คอนญัก) และ Brandy (บรั่นดี) ต่างกันอย่างไร
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ