Stollen (สโตลเลน)
มนต์เสน่ห์แห่งการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่ผู้คนทั่วโลกต่างก็เฝ้ารอคอย คงจะหนีไม่พ้นโต๊ะอาหารที่รายล้อมไปด้วยเมนูขนมหวานนานาชนิด ซึ่งในบรรดาขนมหวานที่นิยมเสิร์ฟกันเป็นประจำทุกปีนั่นก็คือ Stollen (สโตลเลน) เมนูซิกเนเจอร์ที่คู่อยู่กับเทศกาลคริสต์มาสมาอย่างยาวนาน
Stollen เป็นขนมปังสัญชาติเยอรมัน ถูกคิดค้นขึ้นมาครั้งแรกที่เมือง แซกโซนี (Saxony) ช่วง ศตวรรษที่ 14 โดยชาวเยอรมันมักจะทำขนมปังชนิดนี้ขึ้นมาทุกปีในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และขายในงานจัดแสดงสินค้า เพื่อเป็นเกียรติแก่พระเยซู เนื่องจาก Stollen มีลักษณะคล้ายกับผ้าห่อตัวของพระองค์เมื่อครั้งแรกเกิดนั่นเองค่ะ
วิวัฒนาการของ Stollen: จากขนมปังจืดชืดสู่ความหอมหวาน
ในยุคแรกสุด Stollen เป็นขนมปังที่ถูกผลิตขึ้นมาโดยไม่ใส่นม เนย หรือผลไม้ เนื่องจากคริสตจักรคาทอลิกไม่อนุญาตให้ใช้ส่วนผสมเหล่านี้ เพราะเป็นกฎของการถือศีลอด ดังนั้น Stollen จึงเริ่มมาจากการเป็นขนมปังธรรมดาที่ค่อนข้างจืดชืด ทำมาจากแป้ง ยีสต์ น้ำมัน และน้ำ
จนกระทั่งในช่วง กลางศตวรรษที่ 17 สมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 8 ได้อนุญาตให้เติมนม เนย และผลไม้ลงไปในขนมปังได้ แต่ผู้ที่จะใช้ส่วนผสมเหล่านี้ได้ จะต้องนำทองคำมาแลกทุกปี เพื่อสนับสนุนการสร้างวิหาร Freiberg เมื่อมีผู้สนับสนุนมากขึ้น ในเวลาต่อมา Stollen จึงมีสูตรที่เปลี่ยนแปลงไปจนได้มาเป็น Stollen ที่มีสูตรคล้ายคลึงกับปัจจุบันนั่นเอง
Stollen Festival: ประเพณีเก่าแก่แห่งเดรสเดิน
Stollen festival เป็นประเพณีการอบ Stollen ที่เก่าแก่มากของเมือง Dresden (เดรสเดิน) ประเทศเยอรมัน ซึ่งเป็นประเพณีที่จัดขึ้นทุกปี ตั้งแต่ปี 1560 โดยประเพณีนี้เริ่มมาจากคนทำขนมในเมือง Dresden ได้ทำ Stollen ที่ใหญ่ที่สุด โดยมีน้ำหนักมากถึง 16 กิโลกรัม ถวายเป็นของขวัญแด่ผู้ปกครองแห่งแซกโซนี ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ประเพณีการทำ Stollen ก็กลายมาเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นเวลากว่าหลายร้อยปี
ต่อมาในยุคที่ พระราชาออกุสตุสที่ 2 หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า ออกุสตุสผู้แข็งแกร่ง (Augustus the Strong) ขึ้นครองราชย์ในปี 1730 พระองค์ทรงรักในความหรูหรา ความงดงามของงานเลี้ยงฉลองมาก จึงมีรับสั่งให้สมาคมคนทำขนมปังแห่ง Dresden ทำ Stollen ขนาดยักษ์ หนัก 1.7 ตัน ขึ้นมา เพื่อให้พอที่แขกในงานประมาณ 24,000 คนได้แบ่งกันทาน ซึ่ง Stollen ชิ้นนี้ต้องใช้ม้าถึง 8 ตัว ในการลากขนมปังออกจากเตาอบ และเนื่องในโอกาสพิเศษนี้ สถาปนิกประจำเทศกาลจึงได้สร้างเตาอบ Stollen ขนาดใหญ่เป็นพิเศษ และมีด Stollen ขนาดใหญ่ ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับงานนี้อีกด้วยค่ะ
Stollen ในปัจจุบัน: รสชาติที่คุ้นเคยและเอกลักษณ์ไม่เสื่อมคลาย
ย้อนกลับมาที่ Stollen ในยุคปัจจุบัน เป็นขนมที่มีเนื้อสัมผัสกึ่งเค้กกึ่งขนมปัง เนื่องจากมีการเติมยีสต์ น้ำ น้ำตาล เนย นม และผลไม้อบแห้ง ถั่ว ลูกเกด และเครื่องเทศต่างๆ ลงไป รวมไปถึงมีการเติมเหล้ารัม เพื่อเพิ่มรสชาติความอร่อย ซึ่งบางสูตรก็อาจจะมีการนำ Marzipan (มาร์ซิแพน) ที่ทำจากอัลมอนต์บด รสชาติหวานสอดไส้อยู่ด้านในตรงกลางอีกด้วย