Twinings (ทไวนิงส์)
เมื่อพูดถึงอังกฤษ หลายคนคงจะนึกถึงภาพของสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีนั่งจิบชายามบ่ายพร้อมกับขนมสโคนกันอย่างแน่นอน แต่ทว่าภาพลักษณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพจำ แต่สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างชาวอังกฤษกับชาที่มีมาอย่างยาวนาน
Twinings (ทไวนิงส์) เป็นแบรนด์ชาเก่าแก่ที่อยู่คู่วัฒนธรรมการดื่มชาของชาวอังกฤษมานานกว่า 300 ปี วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องราวของชาที่ได้รับการยอมรับจากราชวงศ์นี้กันค่ะ
จุดเริ่มต้นของ Thomas Twining: จากช่างทอผ้าสู่ผู้บุกเบิกชา (ค.ศ. 1684 - 1706)
ต้นกำเนิดของ Twinings นั้นเริ่มมาจาก Thomas Twining (โทมัส ทไวนิง) เด็กน้อยจากกลอสเตอร์เชีย (เทศมณฑลในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ) ที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในลอนดอน ในอดีตครอบครัวของ Thomas ประกอบอาชีพเป็นช่างทอผ้า แต่ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปี 1684 ครอบครัวของเขาก็ย้ายเข้ามาหางานทำในลอนดอน
หลังจากย้ายมาอยู่ที่ลอนดอน Thomas ในวัย 9 ขวบ ก็เดินตามรอยพ่อของเขาด้วยการไปฝึกงานกับช่างทอผ้า แต่เมื่อเวลาผ่านไปในปี 1701 ขณะนั้นเขาอายุได้ 26 ปี ก็เริ่มหันหลังให้กับการทอผ้า และเรียนรู้อาชีพใหม่ โดยไปทำงานขนส่งชาทางเรือกับบริษัท East India Company ซึ่งเป็นบริษัทแรกที่นำชาเข้ามาสู่อังกฤษ
Thomas ใช้เวลาห้าปีในการเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจค้าขายชา และวันหนึ่งเขาก็สังเกตเห็นว่าความนิยมของชามีเพิ่มมากขึ้น สิ่งนี้ทำให้เขามองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจ ในปี 1706 Thomas จึงนำเงินเก็บของเขามาซื้อร้านกาแฟที่ชื่อว่า Tom's Coffee House ซึ่งตั้งอยู่บนถนน Strand ในลอนดอน ย่านทำเลทองในการทำธุรกิจที่เต็มไปด้วยกลุ่มคนชั้นสูงมากมาย
ในช่วงเวลานั้น ความนิยมของกาแฟยังคงเป็นอันดับหนึ่งในลอนดอน ซึ่งมีร้านกาแฟมากกว่า 2,000 แห่งที่ให้บริการเครื่องดื่มหลากหลายประเภททั้งกาแฟ ช็อกโกแลตร้อน เหล้ารัม และบรั่นดี แต่ถึงกระนั้น Thomas ก็ยังคงมองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจ เขาเริ่มขายชาควบคู่ไปกับกาแฟ เพื่อให้ธุรกิจของเขามีความแตกต่าง
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ Thomas จะเริ่มขายชา เดิมทีวัฒนธรรมการดื่มชาได้รับการแนะนำให้รู้จักในอังกฤษโดย แคทเธอรีนแห่งบรากังซา (Catherine of Braganza) ราชินีแห่งพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ ในปี 1662 โดยเธอได้นำชาจากประเทศโปรตุเกสบ้านเกิดของเธอมายังอังกฤษ และเชิญเพื่อนๆ ให้เข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาเป็นการส่วนตัวที่ Royal Court ไม่นานหลังจากนั้น วัฒนธรรมการดื่มชาจึงเริ่มแพร่หลาย และเป็นที่นิยมในกลุ่มชนชั้นสูงในอังกฤษ
ในช่วงแรก Thomas จะขายชาพร้อมดื่มที่ร้านของเขาเท่านั้น แต่เมื่อความนิยมมีเพิ่มมากขึ้น ผสานกับในช่วงนั้นร้านกาแฟต่างๆ มักจะสงวนไว้สำหรับผู้ชาย ในการคุยงาน และธุรกิจต่างๆ ภายหลังเขาจึงเริ่มขายชาแห้ง เพื่อให้ลูกค้าผู้หญิงสามารถซื้อกลับไปทานที่บ้านได้ สิ่งนี้ทำให้ร้านของเขามีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว และวัฒนธรรมการดื่มชาที่บ้านก็กลายเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมไปทั่วลอนดอน
จากร้านกาแฟสู่ร้านชา Twinings แห่งแรก และการสืบทอดกิจการ (ค.ศ. 1717 - 1787)
ในปี 1717 Thomas ซื้อตึกเพิ่มอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ติดกันกับร้านเดิม จากนั้นเขาก็เปลี่ยนตึกนี้ให้กลายเป็นร้านขายชาที่มีความหรูหราประดับทางเข้าด้วยรูปสิงโตสีทอง โดยตั้งชื่อร้านว่า Twinings ตามนามสกุลของเขา และเริ่มผสมชาคุณภาพสูงหลากหลายชนิดจำหน่าย ทั้งชาผลไม้ และชาสมุนไพร ภายใต้ชื่อแบรนด์ Twinings (ปัจจุบันร้านชาแห่งนี้ยังคงตั้งอยู่บนถนน Strand ในลอนดอน ว่ากันว่าน่าจะเป็นร้านชาที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน)
ในปี 1734 หลังจาก Thomas เสียชีวิตลง Daniel Twining (แดเนียล ทไวนิง) ลูกชายของเขาก็เข้ามารับช่วงธุรกิจต่อ โดยเริ่มส่งออกชา Twinings ไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งในเวลาไม่นานก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ว่าการรัฐบอสตันเป็นลูกค้าคนสำคัญ หลังจากนั้นบริษัทก็เริ่มส่งออกชาไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วยุโรป จนได้รับความนิยมในระดับนานาชาติ
ในปี 1784 Richard Twining (ริชาร์ด ทไวนิง) ลูกชายของ Daniel ก็เข้ามารับช่วงต่อในการดูแลธุรกิจ ภายใต้การนำของ Richard ธุรกิจของ Twinings ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และในปี 1787 Richard ก็ได้ออกแบบโลโก้ของบริษัทขึ้นมาอีกด้วย โดยสิงโตในโลโก้สื่อถึงความแข็งแกร่งและความมั่นคง งูสองตัวสื่อถึงความฉลาดและไหวพริบ ดาวสองดวงสื่อถึงโชคลาภและความสำเร็จ สีทองสื่อถึงความหรูหราและคุณภาพ สีดำสื่อถึงความแข็งแกร่ง และความมั่นคง สีขาวสื่อถึงความบริสุทธิ์ และความสะอาด (โลโก้นี้เป็นหนึ่งในโลโก้เชิงพาณิชย์ที่เก่าแก่ที่สุดของอังกฤษที่มีการใช้งานอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน)
ชาเอิร์ลเกรย์ และการเป็นชาประจำราชวงศ์ (ค.ศ. 1830 - 1956)
ในปี 1830 ทูตอังกฤษคนหนึ่งที่ทำงานให้กับนายกรัฐมนตรีชาลส์ เกรย์ เอิร์ลเกรย์ที่ 2 ได้เดินทางไปทำภารกิจยังประเทศจีน หลังจากกลับมาเขาก็ได้รับชาชนิดหนึ่งพร้อมกับสูตรการผลิตมาเป็นของขวัญ จากนั้นเขาจึงขอให้ Twinings พัฒนาชานี้ เพื่อให้บุคคลอื่นๆ ได้ดื่มด้วย แล้วตั้งชื่อว่า ชาเอิร์ลเกรย์ (Earl Grey) ตามชื่อนายกรัฐมนตรีชาลส์ เกรย์ เอิร์ลเกรย์ที่ 2 นี่จึงเป็นต้นกำเนิดของชาเอิร์ลเกรย์นั่นเอง
ในปี 1837 Twinings ได้รับเลือกให้เป็นชาสำหรับราชวงศ์อังกฤษ โดยได้รับพระราชกฤษฎีกาจาก สมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย (Queen Victoria) นับแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน Twinings จึงเป็นผู้จัดหาชาให้กับกษัตริย์อังกฤษทุกพระองค์ ซึ่งการรับรองอันทรงเกียรตินี้ทำให้ชื่อเสียงด้านคุณภาพของ Twinings แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ตลอด ศตวรรษที่ 19 Twinings ยังคงเป็นผู้บุกเบิกด้านชาผสมสำเร็จรูป ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเพลิดเพลินกับชาได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังคงขยายผลิตภัณฑ์ชาอย่างต่อเนื่องด้วยการคิดค้นชาเบลนด์ (Blend) English Breakfast Blend ที่ผลิตมาเป็นพิเศษสำหรับดื่มพร้อมอาหารเช้า ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงเป็นชาที่ขายดีที่สุด
ในปี 1956 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง Twinings ได้ออกแบบ ชาถุง (Tea Bag) ขึ้นมาเป็นครั้งแรก สิ่งนี้ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เปลี่ยนโลกของการดื่มชาไปโดยสิ้นเชิง เพียงแค่นำถุงชาใส่ลงไปในแก้ว แล้วเติมน้ำร้อนลงไป เพียงเท่านี้ก็สามารถเพลิดเพลินกับชาได้อย่างง่ายดาย
Twinings ในปัจจุบัน: ยักษ์ใหญ่ชาโลกกว่า 300 ปี
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Twinings ยังคงเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการผลิตชาระดับโลก โดยมีใบชามากกว่า 500 สายพันธุ์ เพื่อผลิตชารสชาติที่หลากหลาย ทั้งชาสมุนไพร ชาเขียว ชาดำ และเครื่องดื่มผลไม้ เพื่อรองรับรสนิยมที่เปลี่ยนแปลงไปของนักดื่มชาทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันมีจำหน่ายในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก