Curry Powder (เคอร์รี่ พาวเดอร์)

หลายคนอาจจะเข้าใจว่า ผงกะหรี่ เป็นเครื่องเทศที่มาจากอินเดีย แต่รู้หรือไม่ว่านั่นเป็นความเข้าใจผิด เพราะความจริงแล้วผงกะหรี่ไม่ได้อยู่ในอาหารของอินเดียแต่แรกเริ่ม แต่มีต้นกำเนิดมาจากอังกฤษในสมัยที่เข้าไปเป็นอาณานิคมเหนืออินเดีย วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเครื่องเทศยอดนิยมชนิดนี้กันค่ะ

จุดกำเนิดในยุคอาณานิคม : ความต้องการรสชาติอินเดียในอังกฤษ

เรื่องราวของผงกะหรี่นั้นเริ่มต้นขึ้นในช่วงที่อังกฤษปกครองอาณานิคมเหนืออินเดีย ว่ากันว่าเจ้าหน้าที่ทหารของอังกฤษชื่นชอบอาหารอินเดียมาก แต่เมื่อกลับมาถึงอังกฤษ พวกเขาก็ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการปรุงอาหารอินเดียที่มีความซับซ้อน และเครื่องเทศหายาก

ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงนำเครื่องเทศหลากหลายชนิด เช่น ขมิ้น ผักชี ยี่หร่า ลูกฟีนูกรีก (ลูกซัด) และอื่นๆ มาผสมผสานกัน เพื่อเลียนแบบเครื่องเทศอินเดียที่มีรสชาติเข้มข้น จนกลายเป็น ผงกะหรี่ (Curry Powder) ที่เรารู้จักในปัจจุบัน

ที่มาของคำว่า Curry : การยืมคำและเพี้ยนเสียง

คำว่า Curry ที่ชาวอังกฤษเรียกกัน จริงๆ แล้วไม่ได้มีความหมายอะไรเลยในอินเดีย แต่เกิดจากการยืมคำมาใช้แล้วนำมาออกเสียงใหม่ โดยเริ่มแรกก่อนที่อังกฤษจะเข้าไปเป็นเจ้าอาณานิคมเหนืออินเดีย พ่อค้าชาวโปรตุเกสได้ไปค้าขายกับชาวอินเดีย แล้วพวกเขาเห็นอาหารจำพวกแกงที่ชาวอินเดียกินสารพัดอย่าง ซึ่งชาวอินเดียจะเรียกว่า Kari เป็นคำภาษาทมิฬ

ด้วยเหตุนี้พ่อค้าชาวโปรตุเกสจึงยืมคำนี้มาใช้เรียกแกงข้นๆ โดยออกเสียงแบบโปรตุเกสว่า Carel และชาวอังกฤษก็ไปยืมคำมาจากภาษาโปรตุเกสอีกที แต่พวกเขาดันออกเสียงเพี้ยนมาเป็นภาษาอังกฤษว่า Curry ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกแกงว่า Curry และเรียกผงกะหรี่ว่า Curry Powder

การแพร่หลายและวิวัฒนาการ : ผงกะหรี่ทั่วโลก

การคิดค้นผงกะหรี่เป็นวิธีที่สะดวกในการนำรสชาติของอินเดียมาสู่ครัวเรือนของอังกฤษ ซึ่งหลังจากได้รับการเผยแพร่ ผงกะหรี่ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในอังกฤษ โดยมีอิทธิพลต่อการพัฒนาอาหารหลากหลาย เช่น Chicken Tikka Masala และ Coronation Chicken (สลัดแกงไก่ที่คิดค้นขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2)

เมื่อจักรวรรดิอังกฤษขยายตัว อิทธิพลของผงกะหรี่ก็แพร่กระจายตามไปด้วย โดยได้รับความนิยมในแถบทะเลแคริบเบียน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอฟริกา และอื่นๆ ซึ่งแต่ละภูมิภาคก็ได้ปรับเปลี่ยนสูตรให้เข้ากับรสนิยม และส่วนผสมในท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น แกงกะหรี่แพะจาเมกา (Jamaican Curry) และ แกงกะหรี่ไก่ตรินิแดด (Trinidadian Curry Chicken)

ใน ศตวรรษที่ 19 กองทัพเรืออังกฤษนำผงกะหรี่ไปเผยแพร่ในญี่ปุ่น จนนำไปสู่การพัฒนาข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น หรือ คาเระ (Kare) ที่ได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ในญี่ปุ่น ผงกะหรี่ยังได้รับการพัฒนาขึ้นมาอีกขั้น โดยนำเอาผงกะหรี่แบบอังกฤษมาผสมผสานกับเทคนิคการทำอาหารสไตล์ฝรั่งเศส ทำเป็น ก้อนแกงกะหรี่ (Curry Roux) ขึ้นมา เพื่อความสะดวกในการพกพา และง่ายต่อการปรุงอาหาร นี่จึงเป็นที่มาของก้อนแกงกะหรี่ญี่ปุ่นสำเร็จรูปที่เรามักจะเห็นวางจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตนั่นเอง

ปัจจุบันผงกะหรี่กลายเป็นเครื่องเทศที่ได้รับความนิยมทั่วโลก โดยมีสูตรที่หลากหลาย ซึ่งประเทศไทยเราเอง รวมถึงประเทศใกล้เคียงก็ได้รับอิทธิพลผงกะหรี่มาจากอังกฤษเช่นกัน ที่เห็นได้ชัดก็คือ ผัดหมี่สิงคโปร์ ที่ต้องใส่ผงกะหรี่ลงไป หรือในบ้านเรา ผงกะหรี่ก็มักจะถูกนำไปปรุงอาหารในหลากหลายรูปแบบทั้งแกง และเมนูผัดต่างๆ