แชร์

Oreo (โอรีโอ้)

บิด ชิมครีม จุ่มนม (Twist Lick Dunk) สโลแกนนี้ของ โอรีโอ้ ยังคงใช้ได้ผลมาเป็นเวลากว่า 100 ปี ด้วยรสชาติที่อร่อย ผสานกับกลยุทธ์ทางการตลาดที่ปรับตัวไปตามยุคสมัย ทุกวันนี้โอรีโอ้จึงประสบความสำเร็จอย่างมาก กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์คุกกี้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก และวันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปย้อนรอยประวัติศาสตร์ของคุกกี้ในตำนานนี้กันค่ะ

จุดกำเนิดของตำนาน: Nabisco และการแข่งขันกับ Hydrox (ค.ศ. 1898 - 1912)

เรื่องราวของ Oreo เริ่มต้นขึ้นในช่วงต้น ศตวรรษที่ 20 ถูกคิดค้นขึ้นมาโดย บริษัท National Biscuit Company หรือที่รู้จักกันในชื่อ แนบิสโก้ (Nabisco) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1898 ในนิวยอร์กซิตี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา

เดิมทีบริษัทแห่งนี้ผลิตแครกเกอร์รูปสัตว์ Barnum's Animals Crackers ขายในกล่องเล็กๆ ที่ออกแบบเหมือนกรงสัตว์ในละครสัตว์ ซึ่งมีเชือกผูกเพื่อให้สามารถนำกล่องไปแขวนไว้บนต้นคริสต์มาสได้ เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกในปี ค.ศ. 1902

เมื่อเวลาผ่านไปก็มีบริษัทคู่แข่งเกิดขึ้นชื่อว่า Sunshine Biscuits Company บริษัทแห่งนี้ผลิตคุกกี้สีดำแบบมีสองชิ้นประกบ และสอดไส้ครีมตรงกลางเรียกว่า Hydrox (ไฮดรอกซ์) ขึ้นมาจำหน่ายในปี ค.ศ. 1908 ซึ่งขายดีเป็นอย่างมาก

Nabisco เห็นท่าไม่ดีจึงเกิดไอเดียในการผลิตคุกกี้แซนด์วิชที่เหนือกว่าขึ้นมา โดยนำแนวคิดจากคู่แข่งมาผลิตคุกกี้สอดไส้ครีมเป็นของตัวเอง เริ่มจำหน่ายครั้งแรกในปี ค.ศ. 1912 ภายใต้ชื่อ Oreo Biscuit โดยที่มาของชื่อนั้นยังมีข้อมูลไม่ชัดเจน บางข้อมูลก็ว่ามาจากคำภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า ทองคำ ซึ่งสื่อถึงบรรจุภัณฑ์รุ่นแรกที่เป็นสีทอง

บางข้อมูลก็ว่าอาจเป็นการผสมคำโดยนำเอา re จากคำว่า c re am มาอยู่ตรงกลางระหว่างตัว o สองตัวที่มาจากคำว่า ch o c o late ให้มีลักษณะประกบกันเหมือนกับคุกกี้จึงได้มาเป็นชื่อ OREO แต่อย่างไรก็ตามชื่อก็ถูกเปลี่ยนอยู่หลายครั้ง โดยในครั้งแรกถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Oreo Sandwich ในปี ค.ศ. 1921 ครั้งต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Oreo Crème Sandwich ในปี ค.ศ. 1948 และในที่สุดชื่อสุดท้ายที่ใช้มาจนถึงปัจจุบันก็คือ Oreo Chocolate Sandwich Cookies ในปี ค.ศ. 1974

การพลิกเกม: พัฒนาไส้ครีมและแพ็กเกจจิ้ง สู่ยอดขายอันดับ 1

โอรีโอ้รุ่นแรกถูกขายให้กับร้านขายของชำในเมืองโฮโบเกน รัฐนิวเจอร์ซีย์ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ปี ค.ศ. 1912 โดยมีแพ็กเกจจิ้งเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่สีทอง คล้ายกับกล่องขนมปี๊บบ้านเรา โดยร้านขายของชำมักจะนำไปขายต่อให้กับผู้บริโภคในรูปแบบของการชั่งกิโลแล้วใส่ถุง

ด้วยลักษณะที่คล้ายกับคุกกี้ Hydrox มากเกินไปโอรีโอ้จึงมียอดขายไม่ค่อยดีนัก เพราะขณะนั้นคุกกี้ Hydrox กำลังครองตลาดอยู่ ด้วยเหตุนี้โอรีโอ้จึงต้องหาทางพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเอง จากนั้น Samuel J. Porcello (แซม เจ. ปอร์เชลโล) นักวิทยาศาสตร์การอาหารชาวอเมริกันที่ทำงานให้กับ Nabisco มาเป็นเวลานานก็คิดค้นไส้ครีมโอรีโอ้สีขาวขึ้นมาซึ่งมีรสชาติที่ดีกว่า พร้อมกับเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งใหม่เป็นกล่องสีเหลี่ยมขนาดเล็ก สิ่งนี้ส่งผลทำให้โอรีโอ้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนมียอดขายแซงหน้าคู่แข่ง กลายเป็นคุกกี้ที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา

รสชาติใหม่ๆ และโฆษณาในตำนาน: บิด ชิมครีม จุ่มนม (ค.ศ. 1923 - ปัจจุบัน)

ด้วยกระแสตอบรับที่ค่อนข้างดีในเวลาไม่นานบริษัทจึงต่อยอดผลิตภัณฑ์ โดยเพิ่มรสชาติใหม่ๆ ออกมา ซึ่งประเดิมด้วยรสครีมเลมอนที่มีครีมสีเหลือง ต่างจากเดิมที่เป็นครีมสีขาว แต่ว่ารสชาตินี้ไม่ค่อยได้รับความนิยม ภายหลังจึงเลิกผลิตไป ต่อมาบริษัทก็ยังคงผลิตรสชาติใหม่ๆ ออกมา เช่น รสช็อกโกแลต ไวท์ช็อกโกแลต รสเค้กวันเกิด และสตอว์เบอร์รี่ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

ในปี ค.ศ. 1923 โอรีโอ้ก็เปิดตัวโฆษณาในตำนานอย่าง บิด ชิมครีม จุ่มนม (Twist Lick Dunk) ขึ้นมา โดยได้แรงบันดาลใจมาจากกลุ่มผู้บริโภค เนื่องจากบริษัทสำรวจพบว่าผู้บริโภคส่วนมากมักจะนำโอรีโอ้ไปรับประทานในรูปแบบนี้ ด้วยเหตุนี้สโลแกนดังกล่าวจึงกลายเป็นที่จดจำของใครหลายๆ คนมาเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยปี

การขยายตลาดทั่วโลก และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ (ค.ศ. 1990 - ปัจจุบัน)

ในช่วงปี ค.ศ. 1990 บริษัทเริ่มขยายตลาดไปต่างประเทศ ส่งผลให้โอรีโอ้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ไม่เพียงเท่านี้บริษัทยังคิดค้นรสชาติใหม่ๆ ที่เหมาะกับรสนิยมของคนในท้องถิ่นอีกด้วย เช่น รสชาเขียวที่มีจำหน่ายเฉพาะในจีน และญี่ปุ่น รสคาราเมลนมหวานที่มีจำหน่ายเฉพาะอาร์เจนตินา และรสครีมบลูเบอร์รี่ที่มีจำหน่ายเฉพาะในจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม เป็นต้น

นอกจากจะพัฒนาในเรื่องของรสชาติแล้ว โอรีโอ้ยังมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนสินค้าให้เข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ เช่น Mini Oreo ที่มีขนาดเล็กลง, Oreo Thins ที่เป็นแบบบาง, Oreo Wafer และ Oreo O's Cereal ที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1998 แต่เลิกจำหน่ายในประเทศอื่นๆ ไปในปี 2007 ปัจจุบันมีจำหน่ายอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

ในเดือนมีนาคม 2012 นิตยสาร Time (ไทม์) รายงานว่าโอรีโอ้มีจำหน่ายไปแล้วกว่า 100 ประเทศ ทั่วโลก และตั้งแต่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1912 โอรีโอ้มีการผลิตไปแล้วกว่า 450,000 ล้านชิ้น ทั่วโลก สามารถทำรายได้มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ในทุกๆ ปี

ปัจจุบันโอรีโอ้เป็นมากกว่าคุกกี้ธรรมดา ด้วยรสชาติที่อร่อย และความอเนกประสงค์ โอรีโอ้จึงโดดเด่นในอุตสาหกรรมของขนมหวานประเภทอื่นๆ ด้วย เช่น ไอศกรีมโอรีโอ้ ชีสเค้กโอรีโอ้ นมปั่นโอรีโอ้ และอื่นๆ อีกมากมาย

Tags :

บทความที่เกี่ยวข้อง
Tatawa Cookies
ทำความรู้จัก Tatawa Cookies ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตคุกกี้จากมาเลเซีย
Hiyori Wasanbon (ฮิโยริวาซันบง)
ทำความรู้จัก Hiyori Wasanbon (ฮิโยริวาซันบง) แบรนด์ขนมที่ทำมาจากน้ำตาลวาซันบง อันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น
น้ำผึ้งดอกส้ม และ น้ำผึ้งดอกเกาลัด
ทำความรู้จัก น้ำผึ้งดอกส้ม (Orange Blossom Honey) และ น้ำผึ้งดอกเกาลัด (Chestnut Blossom Honey)
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ