Feta Cheese (เฟต้าชีส)
เรื่องราวของชีสนั้นมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่าหลายพันปี เชื่อมโยงกับการเลี้ยงสัตว์ของมนุษย์ในยุคแรกๆ ซึ่งการค้นพบชีสก้อนแรกของโลกนั้นเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญจากการเดินทางของชนเผ่าเร่ร่อนเบดูอินในทะเลทราย เนื่องจากชายอาหรับคนหนึ่งได้นำนมใส่ในกระเพาะอาหารของแพะ เพื่อใช้เป็นภาชนะบรรทุกไว้บนหลังอูฐ จากนั้นก็เดินทางข้ามทะเลทราย ระหว่างเดินทางกระเพาะอาหารของแพะได้รับความร้อนจากอากาศในทะเลทราย และถูกเขย่าตลอดระยะทาง ส่งผลให้เอนไซม์ในกระเพาะของแพะไปแยกน้ำและไขมันในนมออกจากกัน ทำให้นมในนั้นจับตัวเป็นก้อนมีรสชาติเปรี้ยว นำมาสู่การค้นพบชีสชนิดแรกของโลก วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องราวของชีสสุดคลาสสิกจากกรีซนี้กันค่ะ
จุดกำเนิดในกรีกโบราณ: จากเทพเจ้าสู่ต้นแบบ Feta (ยุคกรีกโบราณ)
การมาถึงของชีสในอารยธรรมกรีกโบราณ ตำนานเชื่อว่าเทพเจ้ากรีกส่ง Aristaios (อาริสไตออส) บุตรของ Apollo ไปสอนชาวกรีกเกี่ยวกับศิลปะการทำชีส ซึ่งชีสชนิดแรกที่ชาวกรีกผลิตขึ้นมาก็คือชีสที่ทำจากนมแกะหรือนมแพะ ว่ากันว่าเป็นต้นแบบแรกเริ่มของ Feta Cheese (เฟต้าชีส)
คำว่า Feta เพิ่งจะปรากฏในวัฒนธรรมกรีกช่วง ศตวรรษที่ 17 โดยก่อนหน้านั้น Feta จะถูกเรียกว่า Cheese เฉยๆ คำว่า Feta แปลว่า ชิ้น ซึ่งน่าจะได้มาจากการหั่นชีสเป็นชิ้นๆ ใส่ถังแช่ในน้ำเกลือ เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาเป็นวัฒนธรรมของชาวกรีกที่มีมาจนถึงทุกวันนี้
ใน พิพิธภัณฑ์เดลฟี (Delphi) มีรูปปั้นของศตวรรษที่ 6 แสดงให้เห็นถึงวิธีการผลิตชีสในรูปแบบดั้งเดิม ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับการผลิต Feta Cheese ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก แต่จะแตกต่างกันเฉพาะในด้านระบบอัตโนมัติ และบรรจุภัณฑ์
Feta Cheese มีความสำคัญทางวัฒนธรรมในสมัยกรีกโบราณ เนื่องจากชาวกรีกมักจะนำไปใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา โดยนำไปถวายเป็นเครื่องบูชาแด่เทพเจ้าในพิธีกรรม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ และความเจริญรุ่งเรือง
คุณสมบัติเฉพาะตัวและการแพร่หลายทั่วโลก (ต้นศตวรรษที่ 20)
Feta Cheese มีลักษณะคล้ายกับเต้าหู้ขาวแบบจีน จัดเป็นประเภท Soft cheese (ชีสนุ่ม) มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ มีกลิ่นของเครื่องเทศ หรือคล้ายๆ ไวน์ขาว เกิดขึ้นโดยธรรมชาติจากต้นไม้หรือใบไม้ที่แกะหรือแพะกินเข้าไป ชาวกรีกมักจะนำไปรับประทานในหลากหลายรูปแบบ เช่น ทำสลัด หรือนำไปทานคู่มะกอกดอง มะเขือเทศสด แตงโม และขนมปังแผ่น เป็นต้น
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ชาวกรีกจำนวนมากเริ่มอพยพไปยังประเทศต่างๆ เช่น ออสเตรเลีย ตุรกี บัลแกเรีย อิตาลี สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเยอรมนี พวกเขานำวิธีการผลิตชีสติดตัวไปด้วย ด้วยเหตุนี้ Feta Cheese จึงเริ่มเป็นที่รู้จักในส่วนต่างๆ ของโลก
สถานะ PDO และประโยชน์ต่อสุขภาพ (ค.ศ. 2002 - ปัจจุบัน)
เพื่อการควบคุมคุณภาพ และแหล่งกำเนิดในกรีซ ในปี ค.ศ. 2002 Feta Cheese จึงได้รับการคุ้มครองจาก สหภาพยุโรป โดยได้รับสถานะ PDO (การกำหนดแหล่งกำเนิดสินค้าที่ได้รับการคุ้มครอง) ซึ่งกำหนดเอาไว้ว่าการจะใช้ชื่อ Feta ได้นั้น ชีสจะต้องผลิตในเขต Macedonia, Thrace, Epirus, Thessaly และ Sterea Ellada ในประเทศกรีซเท่านั้น
นอกจากความสำคัญด้านวัฒนธรรมและอาหารแล้ว Feta Cheese ยังมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายที่หลากหลาย อุดมไปด้วย แคลเซียม โปรตีน และมี โพรไบโอติก (Probiotic) ซึ่งเป็นสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพลำไส้