Rotkohl (รอทโคห์ล)
Rotkohl หรือ กะหล่ำปลีแดง เป็นอัญมณีการทำอาหารที่ฝังลึกอยู่ในวัฒนธรรมของชาวเยอรมันมาอย่างยาวนาน ด้วยสีสันที่สดใสและการผสมผสานของรสชาติที่น่ารื่นรมย์ที่สามารถทานคู่กับอาหารได้หลากหลาย ด้วยเหตุนี้เอง Rotkohl จึงกลายเป็นเครื่องเคียงหลักบนโต๊ะอาหารของชาวเยอรมัน วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปเจาะลึกที่มาและความสำคัญของเมนูเครื่องเคียงคลาสสิกนี้กันค่ะ
จุดกำเนิดและวิวัฒนาการของ Rotkohl
เรื่องราวของ Rotkohl มีประวัติย้อนกลับไปใน สมัยจักรวรรดิโรมัน ซึ่งมีการเพาะปลูกกะหล่ำปลีเป็นครั้งแรก โดยในยุคนี้กะหล่ำปลียังคงเป็นสีขาว ก่อนที่ภายหลังจะมีการทดลองเพาะปลูกกะหล่ำปลีสีแดง เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่สามารถทนต่อสภาพอากาศในช่วงฤดูหนาวที่รุนแรงได้
ในช่วง ยุคกลางของยุโรป การใช้กะหล่ำปลีแดงในอาหารเยอรมันเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น โดยชาวเยอรมันมักจะนำกะหล่ำปลีแดงมา ดองเพื่อถนอมอาหาร ดังนั้นในช่วงฤดูหนาวอันยาวนาน กะหล่ำปลีแดงจึงกลายเป็นส่วนผสมอันล้ำค่าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศเยอรมนี ช่วยให้มีอาหารบริโภคในช่วงที่ขาดแคลน
ต่อมาใน ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (ยุคเรอเนซองส์) เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ของ Rotkohl ซึ่งในช่วงเวลานี้เชฟสมัยใหม่เริ่มทดลองนำ Rotkohl มาสร้างสรรค์ให้มีรูปแบบที่น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น โดยนำกะหล่ำปลีแดงมาผสมผสานเข้ากับส่วนผสมที่มีรสหวานและเปรี้ยว เช่น แอปเปิ้ล, น้ำส้มสายชู, หัวหอม, น้ำตาล และเครื่องเทศ โดยการสร้างสรรค์ในรูปแบบใหม่นี้ได้ยกระดับกะหล่ำปลีแดงธรรมดาให้มีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการทำอาหารเยอรมัน
Rotkohl: จากครัวเรือนสู่โต๊ะอาหารระดับโลก
ใน ศตวรรษที่ 19 Rotkohl กลายมาเป็นอาหารหลักในครัวเรือนของชาวเยอรมัน โดยถูกรวมเข้ากับอาหารประจำภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดยแต่ละภูมิภาคก็มีการใช้ส่วนผสมที่แตกต่างกัน เช่น อาจจะมีการเติม ไวน์แดง, น้ำส้มสายชู, จูนิเปอร์เบอร์รี่ (Juniper Berries) และเครื่องเทศอื่นๆ ลงไป มักจะเสิร์ฟมาพร้อม เนื้อสัตว์, ไส้กรอก และเป็ดย่าง เนื่องจาก Rotkohl จะช่วยเพิ่มทั้งรสชาติและสีสันให้กับมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี ทำให้เป็นเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้สำหรับอาหารเยอรมันหลายเมนู
ในบางภูมิภาคของเยอรมนี Rotkohl เป็นที่รู้จักในชื่อ Blaukraut (เบลาเคราท์) หรือ กะหล่ำปลีสีม่วง ซึ่งเป็นคำที่สะท้อนถึงสีของกะหล่ำปลีแดงหลังจากปรุงสุกแล้ว เพราะจะเปลี่ยนจากสีแดงสดมาเป็นสีม่วงหรือน้ำเงินเข้ม โดยเกิดจากการเติมส่วนผสมที่เป็นกรดอย่างน้ำส้มสายชูหรือไวน์ลงไปในระหว่างขั้นตอนการปรุงอาหาร เป็นปรากฏการณ์ทางเคมีธรรมชาติที่น่าสนใจ
เมื่อเวลาผ่านไป Rotkohl ก็แพร่ขยายออกไปนอกเหนือจากประเทศเยอรมนีและได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยมักปรากฏในเมนูของร้านอาหารเยอรมันทั่วโลก นิยมเสิร์ฟในช่วงวันหยุดและโอกาสพิเศษ ซึ่งจะช่วยเติมแต่งกลิ่นอายของประเพณีและสีสันให้กับมื้ออาหารตามเทศกาล ทำให้เป็นที่รู้จักและชื่นชอบของคนทั่วโลก