Aperitivo (อะเพริทิโว่)
Aperitivo (อะเพริทิโว่) เป็นวัฒนธรรมการดื่มและสังสรรค์หลังเลิกงานของชาวอิตาลี ซึ่งก่อนถึงเวลาทานอาหารค่ำ เสียงแก้วชนกัน และการสนทนาที่ครึกครื้นจะเริ่มดังขึ้น ตามมาด้วยการดื่มเรียกน้ำย่อยพร้อมกับทานอาหารว่าง โดยชาวอิตาลีเริ่มต้นวัฒนธรรมนี้ขึ้นเพื่อเป็นการผ่อนคลายและกระตุ้นความอยากอาหารก่อนทานมื้อหลัก วันนี้ Rimping Supermarket จะพาคุณไปทำความรู้จักกับวัฒนธรรมอันมีเสน่ห์นี้กันค่ะ
รากฐานจากโรมันโบราณสู่ความทันสมัยในตูริน (ปลายศตวรรษที่ 18)
คำว่า Aperitivo มาจากคำภาษาละตินว่า Aperire แปลว่า "เปิด" สื่อถึงการกระตุ้นความอยากอาหาร ซึ่งประวัติศาสตร์ของวัฒนธรรมนี้มีรากฐานมาตั้งแต่สมัยโรมันโบราณ แต่การดื่มเรียกน้ำย่อยสมัยใหม่ที่เรียกว่า Aperitivo เพิ่งจะเกิดขึ้นในอิตาลีช่วง ปลายศตวรรษที่ 18
ในอดีตกล่าวกันว่าชนชั้นสูงชาวโรมันมักจะดื่มไวน์ผสมน้ำผึ้ง สมุนไพร และเครื่องเทศ (สันนิษฐานว่าเป็น Hippocras) เป็นตัวเรียกน้ำย่อยก่อนทานอาหาร แต่ในยุคสมัยใหม่ วัฒนธรรมการดื่มเรียกน้ำย่อย Aperitivo เริ่มต้นขึ้นที่เมือง ตูริน ประเทศอิตาลี ในช่วงที่ เวอร์มุต (Vermouth) ได้รับความนิยมในปี 1786
เวอร์มุต (Vermouth) หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า Aromatised wine เป็นฟอร์ติไฟด์ไวน์ (Fortified wine) ที่ทำจากการนำไวน์ขาวมาผนวกเข้ากับพืชพันธุ์หลากหลายชนิดทั้งบอระเพ็ดและสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมอื่นๆ โดยชาวอิตาลีจะนิยมดื่มเพื่อเรียกน้ำย่อยก่อนทานมื้อค่ำ
ช่วงเวลาแห่งการสังสรรค์: เย็นย่ำในอิตาลี
หากใครที่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมอิตาลีน่าจะพอทราบอยู่บ้างว่าชาวอิตาลีมักจะทานอาหารเที่ยงกันเวลา 13.00 - 14.00 น. ดังนั้นการทานมื้อเย็นจึงมักจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลา 20.00 - 21.00 น. ด้วยเหตุนี้ช่วงเวลาหลังเลิกงานประมาณ 17.00 น. ก่อนถึงเวลาทานอาหารค่ำ จึงเป็นช่วงที่ผู้คนมาพบปะพูดคุย ดื่มเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อย พร้อมทานอาหารว่างเบาๆ เช่น ผักดอง มะกอกดอง และแฮม เพื่อกระตุ้นความอยากอาหาร
เมื่อเวลาผ่านไป ร้านอาหารและบาร์ต่างๆ ในอิตาลี เช่น มิลาน ตูริน และเวนิส เริ่มเสิร์ฟเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยคู่กับอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าในช่วงหัวค่ำ ทำให้ในไม่ช้าวัฒนธรรมนี้ได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นสูงที่ชื่นชอบการเข้าสังคมและผ่อนคลายหลังจากทำงานมาทั้งวัน
Campari: ตัวเร่งความนิยมและแพร่หลายสู่สากล (ค.ศ. 1860 - ปัจจุบัน)
ต่อมาในปี 1860 การเกิดขึ้นของเครื่องดื่มที่ชื่อว่า Campari (คัมพารี) ก็ตอกย้ำให้วัฒนธรรมนี้ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น โดย Campari เป็น Bitter สมุนไพรสีแดง ทำมาจากการผสมผสานเครื่องเทศ สมุนไพร รากไม้ และเปลือกผลไม้ต่างๆ กว่า 60 ชนิด มีสีแดงเป็นเอกลักษณ์มาจากแมลงที่ชื่อว่า Cochineal ซึ่งเครื่องดื่มชนิดนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มศิลปิน นักเขียน และคนดังมากมาย มักจะนำไปผสมทำเป็นค็อกเทล Negroni (เนโกรนี) ดื่มก่อนทานอาหารค่ำ
ตลอด ศตวรรษที่ 20 วัฒนธรรม Aperitivo ยังคงเฟื่องฟูในอิตาลี และใน ศตวรรษที่ 21 วัฒนธรรมนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วยุโรป จนถึงสหรัฐอเมริกา บาร์และร้านอาหารหลายแห่งรับเอาประเพณีของอิตาลีมาใช้ หลังเลิกงานผู้คนจะมารวมตัวกันเพื่อเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยและอาหารว่าง ท่ามกลางบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสนุกสนาน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วัฒนธรรม Aperitivo ก็เริ่มได้รับความนิยมในประเทศไทยด้วยเช่นกัน สังเกตว่าบาร์และร้านอาหารหลายแห่งเริ่มจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว เนื่องจาก Aperitivo กลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่ให้ผู้คนมารวมตัวกันกับครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือคนอื่นๆ เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเพลิดเพลิน